ตลาดกลุ่มซับคอมแพ็คเอสยูวีเป็นที่นิยมกันทั่วโลกและค่ายรถยนต์ทั่วโลกต่างส่งเข้าไปช่วงชิงความได้เปรียบกันเพื่อมัดใจสาวกของพวกเขา
รวมถึงค่ายรถแดนโสมอย่าง Hyundai ที่มี Hyundai Kona ทำตลาดมา5 ปี ก็สมควรแก่เวลาที่จะต้องมีเจเนอเรชันใหม่เข้ามาสานต่อ โดยมาครั้งนี้พกความไฮเทคกับดีไซน์ล้ำอนาคตที่ยกความเป็นหม้อทอดมาจาก Hyundai Staria กับ Hyundai Stargazer กับชุด แถบไฟ LED คาดยาวใต้ฝากระโปรงหน้ายาวไปถึงแก้มกันชนหน้าทั้งสองข้าง ถัดลงมาจะเป็นชุดไฟหน้า LED แนวตั้ง พร้อมชุดกันชนหน้าออกแบบช่องระบายอากาศตามตัวตนของแต่ละรุ่นและในรุ่น Kona Electric แน่นอนว่าชุดกันชนหน้าต้องเป็นทรงทึบ ล้ออัลลอยมีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/60R16, ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง215/55R17, ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R18 แต่เด่นสุดจะเป็นขนาด 19 นิ้วลาย pixel ที่มีมิติของดีไซน์ล้อที่ลงตัว พร้อมซุ้มล้อสีดำคาดเข้ม เส้นสายด้านข้างยังคล้ายๆกับรุ่น Kona เจนที่แล้ว พร้อมราวหลังคา เสาอากาศครีบฉลาม และด้านท้ายที่เป็นไฟท้าย LED แนวยาวที่เป็นไฟเบรกไปถึงแก้มด้านท้ายสองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวและไฟถอย LED แนวตั้งคล้ายด้านหน้า พร้อมกันชนหลังออกแบบได้อย่างลงตัว มิติตัวรถมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,355 มม. ความกว้าง 1,825 มม. และฐานล้อ 2,660 มม.
ภายในสบายแบบ 5 ที่นั่งพร้อมเบาะหลังที่ปรับพับได้เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกของและโครงสร้างเบาะหลังโอบกระชับมากขึ้นและแผ่นรองนั่งที่ขนาดพอดี พร้อมมรดกความไฮเทคมาจากรุ่น IONIQ 5 ตั้งแต่ชุดหน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิตอลจอสัมผัสแสดงระบบความบันเทิง ถัดลงมาเป็นช่องแอร์แนวยาวสองช่อง พร้อมไฟสร้างบรรยากาศ ambient light
ทางด้านขุมพลังมีความหลากหลายตั้งแต่สันดาปล้วนไปจนถึงไฟฟ้าล้วนและคาดว่าจะยกมาจาก Hyundai Kona เจเนอเรชันที่แล้วเริ่มที่สันดาปล้วนกับเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ Smartstream G T-GDi 1.0 ลิตร 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 172 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และแรงม้าเท่ากันแต่แรงบิดขยับขึ้นเป็น 200 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT ขยับมาอีกเป็นเบนซินเทอร์โบ 4 สูบ Smartstream G T-GDi 1.6 ลิตร 198 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT ใหญ่สุดเป็น เบนซิน 2.0 ลิตรที่มีทั้งเบนซินไร้เทอร์โบ Smartstream G MPi 149แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 179 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 สปีด และมีเทอร์โบ Theta II T-GDi 2.0 ลิตร 280 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 392 นิวตันเมตรที่ 2,100-4,700 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด DCT
ทางด้านดีเซลเทอร์โบก็มีเป็นขนาด 1.6 ลิตร Smartstream CRDI 136 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,500-3,000 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ แรงม้าเท่ากันแต่ขยับแรงบิดขึ้นเป็น 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT โดยทั้งเบนซินและดีเซลเลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
ทางด้านขุมพลังลูกผสมกับไฟฟ้าล้วนก็มีตั้งแต่รุ่น Hybrid เบนซิน GDI 1.6 ลิตร 105 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 147 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent-magnet synchronous motor (PMSM) 43.5 แรงม้า แรงบิด 170 นิวตันเมตร และชุดแบตเตอรี่ 1.56 kWh lithium-ion polymer เมื่อทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 141 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า
ส่วนขุมพลังไฟฟ้าล้วนนั้นมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Permanent-magnet synchronous motor (PMSM) และมีทั้งสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น Standard Range มีความจุแบตเตอรี่ 39.2 kWh ให้กำลัง 136 แรงม้าที่ 2,600-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 395 นิวตันเมตรที่ 0-2,400 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม.อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 9.9 วินาที วิ่งไกลสุด 305 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ส่วนรุ่น Extended Range มีความจุแบตเตอรี่ 64.8 kWh ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 3,800-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 395 นิวตันเมตรที่ 0-3,600 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 167 กม./ชม.อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.6 วินาที วิ่งไกลสุด 484 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Reduction Gear โดยรุ่นไฟฟ้าของเจนใหม่อาจมีการลดระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเหลือเพียง 407 กม.
Hyundai Kona เจเนอเรชันใหม่มาพร้อมรุ่นแรง N Line จะมีการเผยสเปกจริงๆตั้งแต่มกราคมปี 2023 จ่อขายทั่วโลกช่วงปีเดียวกัน ส่วนเมืองไทยถึงเคยนำเข้ามาขายในเจนที่แล้วจะมีโอกาสมาขายอีกครั้งในเจนใหม่หรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา Hyundai
