อเนกประสงค์หรูจากค่าย Mazdaอย่าง CX-Series เตรียมปิดฉากไปอีกหนึ่งรุ่นนั่นก็คือ Mazda CX-8 หลังจากที่ Mazda CX-9 จ่อหยุดขายสิ้นปี 2023
ประเทศที่ประกาศชัดเจนว่าเตรียมยุติการผลิตและขายนั้นคือญี่ปุ่นประกาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าสิ้นสุดการผลิตภายในสิ้นปี 2023 จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลถึงตลาดต่างประเทศอย่างเช่นออสเตรเลียเตรียมปิดฉากต้นปี 2024 ทางผู้จำหน่าย Mazda ออสเตรเลียให้เหตุผลว่าทางบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นวางแผนส่งรุ่นใหม่ทำตลาดใส่ขุมพลังทางเลือกทั้ง Hybrid, เสียบปลั๊ก Plug In Hybrid และไฟฟ้าล้วน BEV ภายในปี 2025 เน้นไปในกลุ่มรถยนต์ขนาดใหญ่และอีกเหตุผลหนึ่ง Mazda CX-80 คือตัวตายตัวแทนของ Mazda CX-8 คาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2023
ทั้งสองประเทศก็ยังสามารถสั่งจองได้ก่อนที่จะสิ้นสุดการผลิตและขายในเวลาดังกล่าวขึ้นอยู่จำนวนสต็อก รุ่นย่อยและสีที่มีอยู่ ด้านอาเซียนอย่างมาเลเซียซึ่งเป็นฐานการผลิตจะหยุดด้วยหรือไม่ทาง Paultan ให้ข้อมูลว่าไม่มีผลกระทบจากการประกาศหยุดขายทั้งญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ทางเรายังผลิตต่อไปจนถึงปี 2026 ทำให้เมืองไทยซึ่งนำเข้ามาขายก็ยังจำหน่ายต่อไปจนกว่าฐานการผลิตที่นั่นจะไม่ผลิตต่อ
Mazda CX-8 เปิดตัวที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2017 ส่วนเมืองไทยเปิดตัวในปี 2019 นำพื้นฐานของ Mazda CX-5 เจนที่สามขยายความสุขเป็นรถพรีเมียมสามแถวหรูหราและคุ้มตั้งแต่กระจังหน้า Signature Wing พร้อมกรอบกระจังหน้าโครเมียมออกแบบให้ปีกซ้าย-ขวาสั้นลงขนาบข้างกับไฟหน้า LED High-Beam LED รองรับการทำงาน Adaptive LED เป็น 20 ดวง
กันชนหน้าออกแบบหรูหราภูมิฐานตัดไฟตัดหมอกหน้า LED ออกไป ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่รูปตัว L คิ้วโครเมียมเชื่อมไฟท้ายเส้นสายที่หนาขึ้นออกแบบอย่างลงตัว กันชนหลังออกแบบให้แผงทับทิมอยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น ท่อไอเสียคู่ ประตูไฟฟ้าพร้อมชุดเซนเซอร์เปิดฝาท้ายแบบ Kick Activated พร้อมป้องกันการหนีบเพียงเท้าเตะไปที่กันชนท้าย ราวหลังคาและเสาอากาศครีบฉลามและล้ออัลลอยมีทั้งขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/65R17 และขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 225/55R19
ภายในปรับเล็กน้อยเพิ่มช่องเสียบ USB Type-C จอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว Mazda Connect พร้อมระบบความบันเทิงและเชื่อมต่อการสื่อสารรองรับ Apple CarPlayกับ Android Auto แบบไร้สาย ปุ่มเบอร์โทรฉุกเฉิน พร้อมคอนโซลกลาง ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง ชาร์จมือถือไร้สาย wireless charger พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ม่านบังแดดที่ประตูคู่หลัง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) และมาตรวัดดิจิทัล 7 นิ้ว
เบาะหนังแท้เกรดคุณภาพแบบ High-Class แบบ 3 ตอน 6 และ 7 ที่นั่ง โทนสีเบจกับสีเทาให้เลือกโดยรุ่น 6 ที่นั่งมาแบบ Exclusive Captain Seat 2 ที่นั่ง 2 ทางเลือก ได้แก่ ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat แยกอิสระซ้าย ขวา (Captain seats with center walk-through (6-Seat) สามารถเดินเชื่อมได้ถึงเบาะนั่งแถวที่สาม พร้อมที่วางแก้ว ช่อง USB Type C สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่องใต้ บริเวณแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศบริเวณเบาะนั่งแถวที่สองและห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats (6-Seat)
มาพร้อมทางเลือกแห่งความแรงสไตล์ SKYACTIV ด้วยเบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร PY-RPS 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 252 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนสองล้อหน้า และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D 2.2 ลิตร SH-VPTS 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ AWD ทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับ SKYACTIV-Drive 6 สปีด เพิ่มโหมดการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) ที่เลือกได้ถึง 3 โหมดได้แก่ Namely Normal, Sport, Off-Road