More

    Mitsubishi Triton 2024 ขายญี่ปุ่นต้นปีหน้าเริ่ม 1.204 ล้านบาท

    กลับมาขายที่ญี่ปุ่นอีกครั้งหลังห่างหายไปนาน 12 ปีสำหรับ Mitsubishi Triton ครั้งนี้ยังคงนำเข้าจากโรงงานแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ประเทศไทย

    Mitsubishi

    Mitsubishi Triton จำหน่ายในเจเนอเรชันที่ 6 เปิดตัวที่งาน Japan Mobility Show ด้วยดีไซน์สไตล์ BEAST MODE ด้านหน้ามาในสไตล์ Dynamic Shield ทั้งดีไซน์ภายนอกใหม่หมดตั้งแต่กระโปรงหน้าสู่ด้านข้างตัวถังในสไตล์แนวราบ ตกแต่งเหนือซุ้มล้อหน้า-หลังระยะโอเวอร์แฮงค์หน้าที่สั้นลง พร้อมชุดแต่งแบบเดียวกับรุ่น Athlete สเปกไทยตั้งแต่ชุดกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถพร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi บนขอบกระจังหน้า ไฟหน้า LED 3 ดวงพร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้าพร้อมขอบตกแต่งสีดำเข้ม ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ที่ทั้งหมดอยู่ในชุดกันชนหน้าเท่ถึงใจด้วยการ์ดเสริม ล้ออัลลอยสีดำเข้ม 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 จาก Dunlop GRANDTREK AT25 พร้อมคิ้วขอบล้อสีดำ ราวหลังคาสีดำ สปอร์ตบาร์ทูโทนสีดำ/เงิน สปอยเลอร์บนขอบกระบะท้ายพร้อมไฟท้าย LED แนวตั้งดีไซน์ใหม่รูปตัว H ที่เปิดประตูท้ายสีดำ และกันชนหลังสีดำ

    มิติตัวรถแบบ Double Cab ตั้งแต่ ความยาว 5,320 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,865 มิลลิเมตร ความสูง 1,765 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,130 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 222 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร มิติกระบะภายใน ความยาว 1,555 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,545 มิลลิเมตร ความสูง 525 มิลลิเมตรMitsubishi

    ภายในพิเศษด้วยสวิตช์ควบคุมต่างๆออกแบบให้มองเห็นได้อย่างโดดเด่นควบคุมได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือหนาทั้งพวงมาลัย ก้านจับ และมือจับเปิดประตูออกแบบภายใต้แนวคิด  Mitsubishi Touch เน้นที่ความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ พร้อมคอนโซลหน้าและภายในห้องโดยสารมาภายใต้แนวคิด Horizontal Axis พร้อมออปชันประจำรถได้แก่ภายในโทนสีดำล้วนในส่วนของชุดคอนโซลหน้าและแผงประตูวัสดุบุหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน

    เบาะนั่งทูโทนหุ้มกึ่งหนังแท้สีดำเดินด้ายส้ม เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังไฟฟ้า ที่วางแก้วใต้ช่องแอร์คอนโซหน้าซ้าย-ขวา ชุดมาตรวัด LCD พร้อมจอแสดงข้อมูล MID 7 นิ้ว แผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่อง USB-A และ USB-C สำหรับการชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ แท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุมจอสัมผัสขนาดใหญ่ทั้งแบบ 9 นิ้ว เชื่อมต่อทั้ง Android Auto Apple Carplay ไร้สาย มีระบบนำทางในตัว พ่วงลำโพง 6 จุดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์หมุนเวียนอากาศบนหลังคาตอนหลัง มือจับภายใน 8 จุด

    Mitsubishi

    ขุมพลังแรงสุดด้วยเทอร์โบคู่คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Twin Turbo Hyper Power Engine) ใหม่ 2.4 ลิตร 4N16 High Power ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 470 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport มีเฉพาะขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง

    ระบบ Super Select 4WD-II เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง)  Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ) พร้อมระบบ S-AWC หรือ Super All Wheel Control ขับเคลื่อนสี่ล้ออิสระ เทคโนโลยี DNA จาก search Mitsubishi Lancer Evolution X จะมีกำลังขับเคลื่อนสีล้อตลอดเวลา สามารถกระจายแรงลงสู่ล้อทั้ง 4 ได้อัตโนมัติอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าโค้ง ระบบจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ เกาะถนนอย่างแม่นยำ ทำให้คุณมั่นใจในทุกสภาพถนน

    ควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ลุยทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 29 องศา มุมจาก Departure Angle 22.8 องศา และมุมคร่อม break-over angle 23.4 องศา มาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค

    Mitsubishi

    พร้อมความปลอดภัยดังนี้ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control Sytem: TCL) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) เตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) สัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA)

    พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง เบรก ABS กระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ลดกำลังเครื่องยนต์ (BOS) เสริมแรงเบรก (BA) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (AHB) ถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน เซ็นเซอร์กะระยะการจอดหน้าและหลัง พิเศษติดตั้งระบบ ADAPTIVE CRUISE CONTROL (ACC) ล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ โดยทำงานร่วมกับเรดาร์ หากตรวจพบว่ามีรถคันหน้าใช้ความเร็วต่ำกว่าจะปรับลดความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างและจะปรับความเร็วกลับสู่ระดับเดิมที่ตั้งไว้ เมื่อคันหน้าพ้นจากระยะตรวจจับของเรดาร์Mitsubishi

    Mitsubishi Triton พร้อมจำหน่ายที่ญี่ปุ่นต้นปีหน้าในราคาเริ่มต้น 4,980,000-5,400,000 Yen หรือราว 1,204,000-1,305,000 บาท มีสีภายนอกดังนี้ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic สีอบรอนซ์เงิน Blade Silver Metallic, สีขาวมุก White Diamond, สีขาว Solid White, สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica โดยรุ่น Athlete เมื่อไปขายที่ญี่ปุ่นจะใช้ชื่อรุ่น GSR

    ที่มา Carwatch

    ที่มาภาพ Manabu Takahashi

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts