More

    Mitsubishi Triton ขายญี่ปุ่น 15 กุมภาพันธ์ปีหน้าเริ่ม 1.219 ล้านบาท

    หลังเผยข้อมูลว่าเวอร์ชันญี่ปุ่นของ Mitsubishi Triton เตรียมขายจริงช่วงต้นปี 2024 ทำให้แฟนๆต่างรอคอยอยากเป็นเจ้าของหลังห่ายไปจากตลาด 12 ปี

    Mitsubishiล่าสุด Mitsubishi Motors ประกาศวันขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2024 โดยขายเพียงสองรุ่นย่อยเริ่มที่รุ่น GLS สไตล์เดียวกับรุ่น ULTRA 4×4 เวอร์ชันไทย ด้วยหน้าตาสไตล์ BEAST MODE ใหม่หมดตั้งแต่กระโปรงหน้าสู่ด้านข้างตัวถังในสไตล์แนวราบตกแต่งเหนือซุ้มล้อหน้า-หลังระยะโอเวอร์แฮงค์หน้าที่สั้นลงอัปเกรดหล่อด้วยชุดแต่งรอบคันไม่ว่าจะเป็น

    ชุดกระจังหน้าสีดำเข้มพร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi ขอบกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield โครเมียม ไฟหน้า LED 3 ดวงพร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้า ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ล้อและยางสีเข้ม 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 พร้อมชุดโครเมียมทั้งคันตั้งแต่กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ที่เปิดประตู ที่เปิดฝากระบะท้าย สปอยเลอร์บนขอบกระบะท้ายพร้อมไฟท้าย LED แนวตั้งดีไซน์ใหม่รูปตัว H และกันชนหลังสีเงิน

    ทางด้านรุ่น GSR แต่งเหมือน Athlete เวอร์ชันไทยหล่อด้วยการ์ดเสริมกันชนหน้า ชุดกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ พร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi ขอบกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield สีดำ ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ล้ออัลลอยสีดำเข้ม 18 นิ้ว พร้อมคิ้วขอบล้อสีดำ ราวหลังคาสีดำ กับสปอร์ตบาร์ทูโทนสีดำ/เงิน และกันชนหลังสีดำ

    มิติตัวรถแบบ Double Cab ตั้งแต่ ความยาว 5,320 กับ 5,360 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,865 กับ 1,930 มิลลิเมตร ความสูง 1,795 กับ 1,815 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,130 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 220 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร มิติกระบะภายใน ความยาว 1,555 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,545 มิลลิเมตร ความสูง 525 มิลลิเมตร

    Mitsubishi

    ภายในห้องโดยสารและแผงคอนโซลหน้าควบคุมภายใต้แนวคิด Horizontal Axis คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดเน้นความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบพร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด กล่องเก็บของด้านหน้าช่องวางสมาร์ทโฟนและช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกแผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลาง

    ชุดมาตรวัด LCD พร้อมจอแสดงข้อมูล MID ขนาด 7 นิ้ว ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้าและด้านหลัง 1 จุด แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม จอสัมผัสขนาดใหญ่ทั้งแบบ 9 นิ้วเชื่อมต่อทั้ง Android, Auto Apple Carplay ไร้สาย รองรับ FM/AM/MP3 พร้อมระบบนำทางในตัวจอ ลำโพงติดรถ 4- 6 จุด พวงมาลัยสามก้านแบบมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทาง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา

    ช่องแอร์หมุนเวียนอากาศบนหลังคาตอนหลัง หรือเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติให้เลือก เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า และ 6 ทิศทางปรับด้วยมือวัสดุหุ้มเบาะกึ่งหนังแท้สีดำ มือจับหลังคา 8 ตำแหน่ง รุ่น GSR ต่างจากรุ่น Athlete ไทยตรงที่ ใช้โทนสีดำเข้มทั้งหมดต่างจากไทยที่ใช้โทนสีดำ/ส้มในส่วนของชุดคอนโซลหน้าและแผงประตูวัสดุบุหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะนั่งทูโทนหุ้มกึ่งหนังแท้

    Mitsubishiขุมพลังแรงสุดด้วยเทอร์โบคู่คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Twin Turbo Hyper Power Engine) ใหม่ 2.4 ลิตร 4N16 High Power ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 470 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบ/นาที มีระบบลดการเร่งปฏิกิริยาเพื่อช่วยลดระดับการปล่อยไอเสียโดยการฉีดของเหลวไอเสียดีเซล (AdBlue®) เข้าไปในระบบไอเสีย หรือ SELECTIVE CATALYTIC REDUCTION (SCR)

    คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport มีเฉพาะขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง

    Mitsubishiระบบ Super Select 4WD-II เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง)  Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ) พร้อมระบบ S-AWC หรือ Super All Wheel Control ขับเคลื่อนสี่ล้ออิสระ เทคโนโลยี DNA จาก Mitsubishi Lancer Evolution X จะมีกำลังขับเคลื่อนสีล้อตลอดเวลา สามารถกระจายแรงลงสู่ล้อทั้ง 4 ได้อัตโนมัติอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าโค้ง ระบบจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ เกาะถนนอย่างแม่นยำ ทำให้คุณมั่นใจในทุกสภาพถนน

    ควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ลุยทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 29 องศา มุมจาก Departure Angle 22.8 องศา และมุมคร่อม break-over angle 23.4 องศา มาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรคMitsubishiติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันทั้งล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ  (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control Sytem: TCL) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) สัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)

    ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Emergency Lane Keeping (ELK) ระบบ Emergency Lane Assist (ELA) เตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Departure Prevention (LDP) เตือนด้านหน้าขณะออกจากช่องจอด Front Cross Traffic Alert เตือนและแสดงป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR) เตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA) ตรวจวจับพฤติกรรมเสี่ยงจะเกิดเหตุขณะขับขี่ Driver Monitor System (DMS) จำกัดความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Limiter (ISL) ตรวจวัดลมยาง Tyre Pressure Monitoring System (TPMS) และช่วยบังคับการลากจูง Trailer Stability Assist (TSA)

    พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง เบรก ABS กระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ลดกำลังเครื่องยนต์ (BOS) เพื่อช่วยเบรก เสริมแรงเบรก (BA) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (AHB) ถุงลมนิรภัย 8 จุดรอบคัน เซนเซอร์กะระยะการจอดหน้าและหลัง

    MitsubishiMitsubishi Triton พร้อมจำหน่ายที่ญี่ปุ่นต้นปีหน้าในราคาเริ่มต้น 4,988,000-5,401,000 Yen หรือราว 1,219,000-1,319,000 บาท มีสีภายนอกดังนี้ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic สีอบรอนซ์เงิน Blade Silver Metallic, สีขาวมุก White Diamond, สีเทา Graphite Gray Metallic สีดำ Jet Black Mica และสีแดง Solid Red

    ที่มา Carwatch

    ที่มาภาพ Shinichi Tsutsumi

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts