ในขณะที่อเมริกาเปิดตัวเจเนอเรชันใหม่ เจนที่ 6 ไป แต่สำหรับญี่ปุ่นยังคงขาย Subaru Forester เจนที่ 5 ต่อไปถึงแม้จะเป็นรถปลายรุ่นก็ตาม
ล่าสุดเปิดตัวเจ้าป่าสามรุ่นพิเศษหวังพิชิตใจสาวกซูบี้เริ่มที่ Subaru Forester “X-EDITION” และ “XT-EDITION” ด้วยการเพิ่มสีใหม่ สีน้ำเงิน Kaiser Blue เป็นสีตัวถังที่ใช้ในรุ่น “Wilderness” สเปกอเมริกา โดยการเพิ่มสีใหม่นี้เป็นการเพิ่มภาพลักษณ์ที่กระฉับกระเฉงและแข็งแกร่งเน้นการใช้งานง่ายทั้งในชีวิตประจำวันและกลางแจ้ง
รุ่น XT-EDITION นำรุ่น Sport มาแต่งหล่อด้วยชุดแต่งคล้ายกับรุ่น STI Sport เน้นโทนสีดำเข้มตั้งแต่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมเข้ากันดีกับกันชนหน้าทรงสปอร์ต ไฟหน้ากับไฟ Datytime แบบ LED horizontal ไฟตัดหมอก LED แนวตั้ง พร้อมคิ้วขอบล้อสีดำล้ออัลลอยลายสีเข้มขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18 กาบบันไดด้านข้าง กระจกมองข้าง ดิฟฟิวเซอร์หลัง สปอยเลอร์หลัง ราวหลังคา ตกแต่งด้วยสีดำพร้อมไฟท้าย LED รูปตัว C หรือ C-shaped
ภายในเปลี่ยนนิดเดียวกับแผงตกแต่งคอนโซลหน้าสีเมทาลิกแบบ Blaze gun เดินด้ายสีเงินรวมถึงกรอบช่องแอร์ มือจับประตู รางกันกระแทกบริเวณที่เก็บของด้านท้าย เบาะนั่งหุ้มผ้ากำมะหยี่สีดำเดินด้ายสีเงินป้องกันน้ำหกใส่เบาะรถ
รุ่น X EDITION นำรุ่น Touring e-BOXER มาแต่งเพิ่มด้วยชุดเบาะนั่งหุ้มผ้ากึ่งหนังสังเคราะห์ และแผ่นพื้นสัมภาระด้านท้าย เคลือบสารกันน้ำเกาะ โดยทำมาจากวัสดุเรซิ่นและยังเพิ่มฟังก์ชันหน่วยความจำตำแหน่งเบาะนั่งคนขับ และระบบอุ่นที่นั่งสำหรับเบาะหลังด้านซ้ายและขวา ส่วนภายนอกอาจคล้ายกับรุ่น XT-EDITION
และอีกรุ่นกับ STI Sport Black Interior Selection เพิ่ม กรอบกระจกสีดำที่เสา B และเสา C ภายในตกแต่งเข้มด้วยเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ NAPPA สีดำเดินด้ายสีเงิน ปักโลโก้ STI บนหัวหมอนศีรษะ แผงคอนโซลหน้าสีดำหุ้มหนังสัมผัสเดินด้ายสีเงิน พร้อม Eyesight Safety Plus เพิ่มมุมมองกว้างขึ้นกับกล้องรอบคัน 360 องศา ในส่วนกล้องด้านหน้า และกระจกมองหลังอัจฉริยะ Smart rear view mirror พร้อมสีน้ำเงินพิเศษ Offshore Blue
ภายในทั้งสามรุ่นมาพร้อมออปชันเดิมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ DUAL-ZONE กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน มาตรวัดเรืองแสง ช่องลมสำหรับเครื่องปรับอากาศที่คอนโซลกลาง เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เพิ่ม พื้นที่บรรทุกสัมภาระที่ใหญ่ขึ้น พอร์ตชาร์จ USB ประตูท้ายไฟฟ้าพาวเวอร์ด้านหลัง ช่วยให้สามารถเปิด-ปิด และล็อกประตูทุกด้านของรถได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียวและไฟส่องภายในแบบ LED ที่ ไฟห้องเก็บสัมภาระแบบ และ ไฟบนบริเวณด้านท้าย
แรงด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Boxer 1.8 ลิตร DIT รหัส CB18 ให้กำลังสูงถึง 177 แรงม้าที่ 5,200-5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 1,600-3,600 รอบต่อนาที ในรุ่น XT-EDITION และรุ่น STI Sport Black Interior Selection
ส่วนรุ่น X EDITION มาพร้อม เครื่องยนต์เบนซิน e-Boxer FB20 direct injection พร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS) 150 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 196 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 16.7 แรงม้า แรงบิด 66 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่มีความจุ 13.5 kWh เมื่อทำงานร่วมกันทำแรงม้ารวม 156 แรงม้า เมื่อเข้าโหมด EV และ Motor Assist วิ่งไกลสุด 1.6 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ Lineartronic CVT พร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive แบบ Active Torque Split AWD s พร้อม X-Mode ช่วยในส่งถ่ายกำลังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมระบบกระจายแรงบิด (Active torque vectoring) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมยานพาหนะได้อย่างมั่นใจ และเร้าใจขึ้นด้วยโหมดการขับขี่ SI-Drive ทั้งโหมด Intelligent และ Sport
โดยเปิดราคา รุ่น X-EDITION 3,377,000 -3,432,000 Yen หรือราว 809,000-824,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าแต่ถ้านำเข้ามาราคาจะอยู่ที่ 2,326,000-2,369,000 บาท
รุ่น XT-EDITION 3,465,000-3,520,000 Yen หรือราว 829,000-845,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าแต่ถ้านำเข้ามาราคาจะอยู่ที่ 2,385,000-2,435,000 บาท
รุ่น STI Sport Black Interior Selection เริ่มต้น 3,850,000-3,905,000 Yen หรือราว 924,000-935,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าแต่ถ้านำเข้ามาราคาจะอยู่ที่ 2,659,000-2,689,000 บาท
