หลังจากที่นำเสนอข่าวว่าทางโตโยต้าเตรียมเผยทางเลือกใหม่ให้กับ Toyota Yaris ATIV Hybrid เก๋งเจเนอเรชันที่สี่ ด้วยการใส่ขุมพลังฟูลไฮบริด
โดยทางเพจ Car News Update รายงานว่าเตรียมที่จะเปิดตัวในช่วงกลางปี 2024 จากเดิมเป็นช่วงต้นปีใกล้ๆงาน Bangkok Motor Show Toyota Yaris ATIV Hybrid มาในสไตล์ Fastback ด้านหน้ามาพร้ออมโลโก้สามห่วงขนาดใหญ่ในชุดกระจังหน้าสีดำเงาทั้งด้านบนและด้านล่าง พร้อมวัสดุตกแต่งช่องดักอากาศด้านหน้าและกันชนหลังสีดำเงา พร้อมไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED Light Guiding ในโคมเดียวกันรูปตัว J มองๆไปคล้ายๆ Toyota VIOS เจนที่แล้ว ด้านข้างมาพร้อมกระจกโอเปร่าคิ้วโครเมียม ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่พร้อมไฟเลี้ยววิ่ง Sequential Light ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60R16 และขนาดใหญ่ 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/70R17
สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DNGA platform นำพื้นฐานของ Daihatsu DN F-Sedan concept มาพัฒนาให้กลายเป็นเก๋งเล็กสมบูรณ์แบบด้วยความยาว 4,425 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,740 มิลลิเมตร ความสูง 1,480 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 160 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
ภายในมาในแนวสปอร์ตด้วยแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่บริเวณผิวสัมผัสด้วยดีไซน์คล้ายกับ Toyota Veloz หุ้มหนังสังเคราะห์ Premium Soft Touch พร้อมตกแต่งด้วยแถบสีเงินเมทัลลิก จอสัมผัสขนาดใหญ่ที่คาดว่ามาทั้ง 8 และ 9 นิ้ว ดีไซน์ลอยตัว รองรับ Apple Car Play และ Android Auto ช่องต่อ USB ด้านหลัง กล้องบันทึกเหตุการณ์หน้ารถ พร้อมลำโพงตั้งแต่ 2, 4 และ 6 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน หัวเกียร์ดีไซน์คล้ายกับ Toyota Veloz มาตรวัดดิจิตอลแบบจอสี TFT 7 นิ้ว เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Hold ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจวัด และกรองฝุ่น PM 2.5 พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง ตำแหน่งที่วางแก้วน้ำ แก้วกาแฟ รับกับขนาดแก้วกาแฟของเมืองไทย มีถึง 4 ตำแหน่งรอบคัน กระจกแต่งหน้าขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมไฟ LED สีขาว
พร้อม T-Connect ที่จะคอยดูแลผู้ขับขี่ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านระบบต่างๆ เช่น ระบบติดตามรถหาย Theft Track การแจ้งเตือนการบำรุงรักษาผ่านระบบดิจิทัล Digital Maintenance Reminder การจองผ่านระบบดิจิทัล Digital booking ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS และบริการผู้ช่วยส่วนตัว Concierge service มาทั้งไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient light 64 เฉดสี แนวเส้นไฟส่องสว่างได้รับการออกแบบติดตั้งอยู่บริเวณแผงหน้าปัด มีเบาะหนังสีแดง เพื่อมอบความรู้สึกพึงพอใจเหนือระดับให้กับลูกค้าที่มองหาความหรูหราภายในห้องโดยสาร ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสีเทเมทัลลิก โดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ทรงสปอร์ตและลำโพงระดับ Premium 6 จุดจาก Pioneer
ขุมพลังใหม่ที่จะมาประจำการอาจเป็นเบนซินขนาด 1.5 ลิตร Full Hybrid รหัส 2NR-VEX ยกมาจาก Toyota Yaris Cross ให้กำลัง 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 121 นิวตันเมตรที่ 4,000- 4,800 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าประเภทซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 580 V ให้กำลัง 81 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion แรงดันไฟฟ้า 177.6 V ความจุไฟฟ้า 4.3 Ah
เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 111 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้งโหมด Power, Normal ECO รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง สูงสุด E20 ระบบช่วงล่างด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า
พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ออกตัวบนทางลาดชัน HAC สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน Emergency Brake Signal ระบบเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรก BA กล้องมองภาพด้านหลัง และกล้องบันทึกภาพหน้ารถ ดิสก์เบรก 4 ล้อ กล้องมองภาพรอบคัน Panoramic View Monitor สัญญาณกะระยะการจอดด้านหน้าและด้านหลัง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring ช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Crossing Traffic Alert
ความปลอดภัยขั้นเทพ Toyota Safety Sense ทั้ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System, ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam, เตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert, เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว Front Departure Alert, ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี Pedal Misoperation Control และ Adaptive cruise control แบบ All-Speed โดยเก๋งเล็กพลังไฮบริด จะเปิดตัวในช่วงกลางปี 2024 ตามที่เพจได้รายงานหรือไม่ทาง Car2Day จะมารายงานในครั้งต่อไป
ที่มา Car News Update
