นับตั้งแต่ EQS Saloon จาก Mercedes-EQ ทำตลาดมาจนได้รับการตอบรับจากสาวกตราดาวที่ชื่นชอบมานานและลูกค้ากลุ่มใหม่ที่แสวงหาความต่าง
ล่าสุดเปิดตัว EQS Saloon รุ่นปี 2025 หรือ Model Year 2025 มองยังไงก็หน้าตาเดิมแต่หารู้ไม่นำสัญลักษณ์ดาวลอยพร้อมกระจังหน้าสุดคลาสสิกแป็นแบบทึบเส้นแนวนอนสามชั้นคั้นกลางแนวตั้งแบบโครเมียมมาใช้ในแบรนด์ Mercedes-EQ เป็นครั้งแรก ชุดแต่งโครเมียมตั้งแต่ขอบกระจก ขอบที่เปิดประตู คิ้วขายล่าง คิ้วกระจังหน้า คิ้วกันชนหน้า และกันชนหลัง ฝากระโปรงหน้าใหม่เน้นเส้นสายนูนขึ้น
พร้อมแบบทึบสีดำคาดด้วยแสง Daytime Running Light แบบ LED แนวนอนตลอดขอบกระจังหน้าด้านบน ชุดแต่งสไตล์ AMG ทั้งกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี fibre – optic รูปแบบเกลียวคลื่นแบบโค้ง 3 มิติตลอดฝาท้าย พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ฝาท้ายมาแบบเปิดปิดไฟฟ้า HANDS- FREE ACCESS ล้ออัลลอยมีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/45R20 ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 265/40 R21 และขนาด 22 นิ้ว พร้อมยาง 265/35R22
ภายในโดดเด่นเน้นหรูมากขึ้นด้วยการตกแต่งโครเมียมในจุดที่มองเห็นมากขึ้นรวมถึงเบาะนั่งหลังใหม่บุนวมด้วยโฟมหนาขึ้น 5 มิลลิเมตรเพิ่มความสบายและสามารถปรับเอนได้ตั้งแต่ 27-36 องศา รวมถึงที่พักแขนออกแบบใหม่และหมอนใบใหม่ปักตรา EQS ไว้พิงแผ่นหลังพร้อมการตัดเย็บอย่างประณีตหุ้มหนัง NAPPA ทั้งแบบสีเดียวโมโนโทนและสีทูโทน แผงหลังคาขึ้นรูปบุด้วยไมโครไฟเบอร์สีทอง โรสโกลด์ และลายไม้แบบเปิดรูสีแอนทราไซต์
และยังสามารถเลือกแพ็คเก็จแต่ง Pinnacle อัพภายในหรูขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆเสริมเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าที่สามารถเอนไปข้างหน้าได้เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาของแถวที่สอง ส่วนเบาะหลังยังปรับเอนได้สูงสุด 38 องศาเพิ่มฟังก์ชันอุ่นเบาะบริเวณ ก้น คอ และไหล่ พร้อมระบบลมเย็นที่ตัวเบาะพร้อมแถบเรืองแสงด้านหลัง
พร้อมแผงคอนโซลหน้าพาดเต็มด้วยจอสัมผัสทั้งแผง แบบ MBUX Hyperscreen 3 จุดแบบ OLED ประกอบไปด้วยมาตรวัดดิจิทัลแสดงข้อมูลการขับขี่ 12.3 นิ้ว, หน้าจอกลาง Infotainment ขนาด 17.7 นิ้ว, หน้าจอสำหรับความบันเทิงฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า 12.3 นิ้ว ความยาวจอทั้ง 3 จุดรวมกัน 1,410 มิลลิเมตร ส่วนผู้โดยสารด้านหลังจะมีหน้าจอขนาด 11.6 นิ้วให้อีก 2 จอสำหรับความบันเทิงส่วนตัว
ลำโพงแน่นอนว่าเป็นยี่ห้อ Burmester® 3D surround sound 15 ตำแหน่งพลังขับ 710 วัตต์ ระบบจดจำโปรไฟล์ผู้ขับขี่ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint scanner) ช่วยเหลือภายในห้องโดยสาร MBUX Interior Assistant พร้อมระบบสั่งงานด้วยท่าทาง ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (Active ambient lighting) แสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันท้ายตัดสามก้าน หุ้มหนัง NAPPA พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control และกระจกมองข้างระบบปรับอากาศภายในรถ ENERGIZING AIR CONTROL พร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA filter สามารถกรองฝุ่น PM2.5 แบ่งแยกอุณหภูมิเป็นสี่โซน
ภายในหุ้มเบาะด้วยหนังแท้คุณภาพดีปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่งคู่หน้า โดยเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Multi – Contour พร้อมฟังก์ชันนวดและอุ่นเบาะคู่หน้ามาในทรง Sports seats เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้แบบ 1/3 และ 2/3 พื้นที่การบรรทุกด้านท้ายตั้งแต่ 610-1,770 ลิตร มีชุดหูฟังไร้สายที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charger ด้านหน้า และกาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz
อัพพลังใหม่จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 108.4 kWh มาเป็น 118 kWh และยังเพิ่มระยะทางการชาร์จหนึ่งครั้งเพิ่มขึ้น11% (82 กิโลเมตร) ตามมาตรฐาน WLTP เป็น 717-799 กิโลเมตร ในรุ่น EQS 450 4MATIC ให้กำลังรวม 360 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ส่วนรุ่น EQS 450+ ขับเคลื่อนล้อหลัง 333 แรงม้า แรงบิด 568 นิวตันเมตร เพิ่มระยะทางวิ่งไกลเป็น 683-822 กิโลเมตร WLTP
พร้อมรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC ความสามารถในการลากจูงเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมถึง 127% (เดิม 750 กิโลกรัม) ไม่ว่าจะรุ่น EQS 450 4MATIC รุ่น EQS 500 4MATIC 449 แรงม้า แรงบิด 855 นิวตันเมตร วิ่งไกล 685 กิโลเมตร WLTP และรุ่น EQS 580 4MATIC 761 แรงม้า แรงบิด 949 นิวตันเมตร วิ่งไกล 676 กิโลเมตร WLTP
แม้จะลดความสำคัญของแผนการพัฒายานยนต์ไฟฟ้าจากเดิมเต็มร้อยเหลือครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 แต่ก็ยังมีรถไฟฟ้าไว้ตอบโจทย์สาวกควบคู่กับการทำตลาดสันดาปและพร้อมที่จะเปิดตัวที่จีนในงาน Beijing Auto Show 2024 ระหว่างวันที่ 25 เมษายน – 4 พฤษภาคม และยุโรปตั้งแต่ 25 เมษายน
ที่มา Carexpert และ Mercedes-Benz
