ตลาดรถกระบะตันครึ่งของจีนก็โด่งดังไม่แพ้เมืองไทยจากที่มีผู้เล่นแดนญี่ปุ่น และจีน ส่งเข้าประกวดเพื่อให้ผู้ใช้ชาวจีนได้มีตัวเลือกหลากหลาย
อย่างเช่น Ford ที่กระโจนเข้าสู่สมรภูมิส่ง Ford Ranger กระบะเจเนอเรชันใหม่ลุยขายจีนอย่างเป็นทางการโดยเป็นการประกอบที่จีนไม่นำเข้าจากไทยหรือแอฟริกาใต้แต่อย่างใด หน้าตาไม่ต้องพูดถึงเหมือนสเปกไทยแต่สิ่งที่ต่างนั่นคือชุดกันขนหน้าดีไซน์เข้มสีดำคิ้วเสริมใต้กันชนสีเงิน ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมวินซ์ลากรถในตัว กับ กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ พร้อมชุด ADAS ติดตั้งในชุดกระจังหน้าและแถบเส้นสีแนวนอนในชุดกระจังหน้า
ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบ Matrix LED ด้านข้างคล้ายกับไทยทั้งบันไดเหยียบข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง ไฟท้าย LED ทรงเลข 8 แนวตั้งสวยงาม ภายในกระบะท้ายออกแบบที่ช่วยให้ผู้ขับขี่จัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบ มีช่องจ่ายไฟในกระบะท้ายที่มาพร้อมช่องต่อไฟแบบ AC รองรับกำลังไฟถึง 400 วัตต์ ให้คุณใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้ง่ายๆ เพียงเสียบปลั๊กกับตัวรถ
ภายในสะดวกสบายไปอีกขั้น แผงคอนโซลหน้าช่วยให้ หรูหรา ยังชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยระบบเชื่อมต่อการสื่อสารที่ช่วยให้คุณควบคุมและใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวกกว่าเดิมผ่านหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 10.1 นิ้วหรือ 12 นิ้ว ที่เชื่อมกับกล้อง 360 องศา ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4 รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย มาตรวัดดิจิทัลใหม่ 12 นิ้ว ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยการแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถอย่างเต็มรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้งาน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และฟังก์ชันการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหรา และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระมากกว่าเดิม
ขุมพลังสำหรับตลาดจีนมีทั้งดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร YMWQ 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร YN2Q 210 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที และใหญ่สุดกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร Power Stroke DSL-Lion B 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที
คู่กับเกียร์ธรรมดา และ อัตโนมัติ 6 สปีด ในรุ่นดีเซลเทอร์โบเดี่ยว เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 ในรุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่และ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด e-Shifter รุ่น 10R80 ในรุ่น 3.0 V6 ให้เลือกทั้งรุ่นขับสองยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time ในรุ่น 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ พร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management ให้เลือกถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ normal, โหมดประหยัด, eco, โหมดถนนลื่น slippery, โหมดลากจูงและบรรทุก tow/haul ในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อกับขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเพิ่มมาอีกสองโหมดคือ โหมดโคลน mud/ruts และโหมดทราย sand
ส่วนดีเซล 3.0 V6 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ e-Shifter Full Time 2H,4H,4L และ 4A เกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case – EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้งโหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Sand, Mud/Ruts ทุกรุ่นมาพร้อมเฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential
และในอนาคตอาจเสริมด้วยขุมพลังเสียบปลั๊กและเบนซินเทอร์โบ 2.7 ลิตรเข้ามาด้วย สำหรับ Ford Ranger สเปกจีนจำหน่ายและผลิตโดย Jiangling Ford พร้อมขายเร็วๆนี้
ที่มา Autohome