BYD Dolphin โลมาน้อยหัวใจไฟฟ้ารุ่นที่สองของค่าย BYD ที่มาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการภายใต้ Rêver Automotive ตัวแทนจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ
เจ้าโลมาน้อยคันนี้ปรับหน้าตาปรับมาดให้ดูดีมีสีสันขึ้นตั้งแต่ไฟหน้า LED พร้อมไฟ Daytime แบบ LED กับกระจังหน้าทรงทึบติดตราตัวอักษร BYD ที่จับประตูดีไซน์ยกก้าน กระจกมองข้างมทรงสปูนปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อม Heated Mirror สำหรับหลังคาแบบ Panoramic Roof จัดมาให้ในรุ่นท็อป ไฟท้าย LED ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง ล้อและยางขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60 R16 และขนาดใหญ่ 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/50 R17 ตัวรถสร้างขึ้นจากแพลตฟอร์ม BYD e-platform 3.0 กับมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,290 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,770 มิลลิเมตร ความสูง 1,550 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,506-1,658 กิโลกรัม
ภายในที่กว้างสบายแบบ 5 ที่นั่ง ใช้สีทูโทนเช่นเดียวกับตัวถังภายนอกดีไซน์ที่ดูล้ำสมัย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน มือจับเปิดประตูออกแบบคล้ายครีบของโลมาจอในส่วนของอุปกรณ์ Infotainment ใหญ่เต็มตาด้วยขนาด 12.8 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 จุด มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว ประเมินผลข้อมูลระดับพลังงานและความเร็วแบบเรียลไทม์ เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Bucket Seat ทรงสปอร์ต ฝั่งคนขับปรับ 6 ทิศทางและคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง โดยรุ่น Extended Range ปรับเบาะคู่หน้าด้วยระบบไฟฟ้า เบาะหลังสามารถพับได้ในอัตราส่วน 40:60 มีพื้นที่มากถึง 1,310 ลิตรในกรณีพับเบาะแต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 345 ลิตร
ระบบอัจฉริยะใหม่ “Follow Me Home” ที่จะมาเพิ่มความปลอดภัยหลังจากจอดรถ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter ให้ผู้ใช้รถได้มีอากาศบริสุทธิ์ในทุกการขับขี่ พร้อมระบบเสียงดนตรีที่มีการออกแบบสัญญาณเสียงที่จำลองมาจากทะเล นอกจากนี้ ยังมีกลไกการล็อกมากถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ การล็อกและปลดล็อกด้วยกุญแจรีโมท, บัตร NFC, BYD Application, กุญแจไข และแบบไม่มีกุญแจ (Keyless Entry)
เทคโนโลยี BYD Blade Battery เอกสิทธิ์เฉพาะที่สามารถจัดเก็บพลังงานและให้ระยะการขับเคลื่อนสูง ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ permanent magnet synchronous motor มีความจุแบตเตอรี่ 44.9 kWh แรงสุด 95 แรงม้าที่ 3,714-14,000 รอบต่อนาที แรงบิด 180 นิวตันเมตรที่ 0-3,714 รอบต่อนาที วิ่งไกลสุด 410 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 12.3 วินาที การชาร์จผ่านไฟ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 7 kW 0-100% ภายใน 6.45 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จผ่านไฟ DC รองรับการชาร์จสูงสุด 60 kW ในรูปแบบ Fast Charging ชาร์จจาก 30-80% ใช้เวลาเพียง 29 นาที
อีกรุ่นกับรุ่นท็อปสุด Extended Range ใช้ความจุแบตใหญ่ขึ้นเป็น 60.48 kWh ซึ่งความจุแบตเทียบเท่ากับ BYD ATTO 3 แรงสุด 204 แรงม้าที่ 5,000-9,000 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 0-4,433 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7 วินาที วิ่งไกลสุด 490 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) การชาร์จผ่านไฟ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 7 kW 0-100% ภายใน 9 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จผ่านไฟ DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 kW ในรูปแบบ Fast Charging ชาร์จจาก 30-80% ใช้เวลาเพียง 29 นาที
ทั้งคู่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport พร้อมระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2 / CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ พร้อมช่วงล่างหลังแบบทอร์ชันบีมในรุ่น Standard Range และ อิสระสี่ล้อในรุ่น Extended Range
ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ระบบความปลอดภัยที่มาอย่างครบครัน ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง ได้แก่ ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and go ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS) ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW)
ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB) ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP) ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA) ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home) พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมนิรภัย 6 จุด, ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS), จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX, เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ, เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC), ป้องกันการลื่นไถล (TCS), ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- BYD Dolphin Standard Range ราคา 699,999 บาท (ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ) มีตัวเลือกภายนอก 4 สี ได้แก สีครีม (Coastal Crème) สีม่วง (Flora Purple) สีเทา (Alaskan Grey) สีชมพู (Coral Pink) ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่ สีดำและน้ำตาล (Black + Brown) สีดำและสีเทา (Black + Grey) สีชมพูและสีเทา (Pink + Grey)
- BYD Dolphin Extended Range ราคา 859,999 บาท (ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ) มีตัวเลือกภายนอกทูโทน 4 สี ได้แก่ สีชมพู/ สีเทา (Coral Pink + Atlantis Grey) สีฟ้า/ สีเทา (Atoll Blue + Atlantis Grey) สีเทา/ สีดำ (Atlantis Grey + Pebble Black) สีขาว/ สีเทา (Surge White + Atlantis Grey) ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่ สีชมพู/ สีเทา (Pink + Grey) สีฟ้า/ สีเทา (Blue + Grey) สีดำ/ สีเทา (Black + Grey)
มาพร้อมกับสิทธิพิเศษ Rêver Care สามารถออกรถเริ่มต้นเพียง 35,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.88%, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ระยะเวลา 1 ปี, การรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่ระยะเวลา 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงระยะเวลา 8 ปี, สายต่อพ่วง VtoL และสายชาร์จฉุกเฉิน, ค่าจดทะเบียนรถ, พรมเข้ารูป+กรอบป้ายทะเบียน+ฟิล์มหน้าจอ และผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ยังได้รับสิทธิ์ในการซื้อโฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้งเพียง 25,000 บาท (จากราคา 35,000 บาท)