โตโยต้ายังได้สร้างความก้าวหน้าในด้านแบตเตอรี่ solid-state ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2027 – 2028 ด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กม. หลังจากประกาศสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งจะเริ่มผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ได้ในปี 2026 โตโยต้าได้เปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ขั้นสูงใหม่ที่จะจ่ายให้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเจเนอเรชันถัดไป
ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจะใช้แบตเตอรี่เจเนอเรชั่นถัดไป 4 ประเภท โดย 3 ประเภท เป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ liquid electrolyte 2 ประเภท และอีก 1 ประเภทเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ solid-state ทางโตโยต้า กล่าวว่า แบตเตอรี่เหล่านี้จะให้พลังงานกับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสิ้น 1.7 ล้านคัน จากรถยนต์ BEV จำนวน 3.5 ล้านคันที่โตโยต้าคาดว่าจะจำหน่ายทั่วโลกภายในปี 2030 ซึ่งเทคโนโลยีแบตเตอรี่เจเนอเรชันใหม่จะเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น
เริ่มต้นด้วย แบตเตอรี่ liquid electrolyte ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่กระแสหลักสำหรับ BEV โตโยต้ากล่าวว่ากำลังดำเนินการปรับปรุงรอบด้าน รวมถึงความหนาแน่นของพลังงานที่สูงขึ้น ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และความเร็วในการชาร์จ แบตเตอรี่ทั้ง 3 ประเภทที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จะถูกเรียกว่า Performance, Popularization และ High-Performance
แบตเตอรี่ Performance Li-Ion มาในปี 2026 ด้วยระยะทาง 800 กม.
แบตเตอรี่ Performance สมรรถนะสูงที่ใช้เคมีลิเธียมไอออนมีแผนจะเปิดตัวในรถ BEV เจเนอเรชันถัดไปของโตโยต้าตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป โดยจะเพิ่มระยะการขับขี่ด้วยความช่วยเหลือด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้นและน้ำหนักของรถยนต์ที่ลดลง คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนลง 20% เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้า Toyota bZ4X ในปัจจุบัน และใช้เวลาในการชาร์จที่รวดเร็วเพียง 20 นาทีหรือน้อยกว่า จากสถานะการชาร์จ 10 – 80% (SOC)
แบตเตอรี่ Popularization LFP ให้ระยะทางที่มากกว่า bZ4X ถึง 20%
แบตเตอรี่ Popularization จะมีสารเคมี lithium iron phosphate (LFP) และจะเป็นตัวเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่าแม้ว่าจะมีคุณภาพสูง สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีไบโพลาร์ที่โตโยต้าเป็นผู้บุกเบิกสำหรับแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (NiMH) โดยคาดว่าแบตเตอรี่จะออกสู่ตลาดในปี 2026 – 2027 โดยโตโยต้าคาดว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่จะให้ระยะการขับขี่เพิ่มขึ้น 20% ลดต้นทุนลง 40% เมื่อเทียบกับ Toyota bZ4X ในขณะที่เวลาชาร์จของแบตเตอรี่ Popularization ควรมีเวลาในการชาร์จ 10 – 80% น้อยกว่า 30 นาที SOC
แบตเตอรี่ High-Performance Li-Ion ระยะทาง 1,000 กม. ในปี 2027 – 2028
แบตเตอรี่ประเภทที่ 3 เรียกว่า High-Performance จะใช้ liquid electrolyte แคโทดนิกเกิลสูงเพื่อให้บรรลุความสามารถในการขับขี่ได้ไกลกว่า 1,000 กม. เมื่อรวมกับอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้นและน้ำหนักยานพาหนะที่ลดลง โดยโตโยต้าคาดว่าจะลดต้นทุนอีก 10% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ Performance และเวลาในการชาร์จ DC ที่รวดเร็วที่ 20 นาทีหรือน้อยกว่าสำหรับ การชาร์จตั้งแต่10-80% แบตเตอรี่นี้มีแผนจะเปิดตัวในปี 2027 – 2028
แบตเตอรี่ Solid-State ที่มีระยะทาง 1,000 กม. ในปี 2027 – 2028
โตโยต้าอ้างว่า ได้พัฒนาเทคโนโลยีไปสู่แบตเตอรี่ Solid-State ในด้านความทนทานของเทคโนโลยีนี้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนโซลิดสเตตของบริษัทมีอิเล็กโทรไลต์แข็งที่กล่าวกันว่าช่วยให้ไอออนเคลื่อนที่เร็วขึ้น และทนทานต่อแรงดันไฟฟ้าและอุณหภูมิสูงได้มากขึ้น ตามข้อมูลของ Toyota เป้าหมายคือเพื่อให้แบตเตอรี่ Solid-State พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ภายในปี 2027 – 2028 ในรถยนต์ BEV รุ่นต่อไป โดยเริ่มแรกโตโยต้าวางแผนที่จะเปิดตัวในรถยนต์ไฮบริดและคาดว่าแบตเตอรี่ Solid-State ตัวแรกจะมีระยะการขับขี่เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ Performance และเวลาในการชาร์จที่รวดเร็วโดยชาร์จจาก 10 – 80% ได้ภายในเวลา 10 นาที
ผู้ผลิตรถยนต์กล่าวว่ามีแบตเตอรี่ li-ion Solid-State สเปคที่สูงกว่า อยู่ระหว่างการพัฒนา โดยตั้งเป้าปรับปรุงระยะทางเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบ Performance ซึ่งจะทำงานได้ในระยะทาง 1198 กม.
ชุดแบตเตอรี่ที่บางกว่า มีขนาดความสูงเพียง 3.9 นิ้ว
นอกจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่รุ่นต่อไปแล้ว โตโยต้ายังสนใจที่จะปรับความสูงของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมเพื่อปรับปรุงอากาศพลศาสตร์และระยะทางอีกด้วย เนื่องจากแบตเตอรี่อยู่ใต้พื้นรถ จึงมีผลกระทบโดยตรงต่อความสูงโดยรวมของรถ ซึ่งจะส่งผลต่ออากาศพลศาสตร์และระยะทำการ
ความสูงของแบตเตอรี่ที่ลดลง ส่งผลให้ความสูงโดยรวมของรถลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ผู้ผลิตรถยนต์วางแผนที่จะลดความสูงของแบตเตอรี่ลงเหลือ 4.72 นิ้ว (120 มิลลิเมตร) เมื่อเทียบกับความสูงของแบตเตอรี่ของ Toyota bZ4X ที่ประมาณ 5.9 นิ้ว (150 มิลลิเมตร) ในกรณีของรถ BEV แบบสปอร์ตสมรรถนะสูง ความสูงของแบตเตอรี่จะลดลงเหลือ 3.93 นิ้ว (100 มม.)
Source : InsideEVs