บทความนี้เราจะมาเปิดขั้นตอนการ ” พ่วงแบตเตอรี่ ” รถยนต์ให้ปลอดภัย ไม่เกิดไฟช็อต และลองมาดูสาเหตุของแบตเตอรี่รถยนต์หมด และวิธีการพ่วงแบตให้ปลอดภัยกันดูครับ
ลืมปิดไฟในรถ สาเหตุสำคัญที่พบเจอบ่อยมาก จนทำให้แบตเตอรี่รถยนต์หมด สตาร์ทรถไม่ได้และสามารถเกิดได้ทุกที่ ถือว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทุกคนผู้ใช้รถจำเป็นจะต้องเรียนรู้เอาไว้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้
คือทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าต้องพ่วงแบตเตอรี่ บูสท์แบตเตอรี่ใหม่ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ในกรณีที่แบตเสื่อมไม่สามารถชาร์จเข้าได้ แต่วิธีการพ่วงแบตเตอรี่ที่ถูกต้องนี่สิ ในกรณีที่จะต้องทำเอง โดยเฉพาะผู้หญิงตัวคนเดียว ก็อาจจะคงมีบางคนที่ยังคงกลัวว่าจะเกิดไฟช็อตรึเปล่า มีอันตรายรึเปล่า ใช้งานก็ไม่เป็นอีก ไม่รู้ว่าสายไหนต้องไปพ่วงกับตรงไหนบ้าง วันนี้เรามาดูวิธีการกันครับ
ก่อนอื่นเราจะทราบได้อย่างไรว่ารถยนต์แบตเตอรี่หมด ก็ง่ายๆเลยครับ เมื่อเราสตาร์ทรถยนต์จะมีเสียงสตาร์ทดังสั้นๆ เครื่องยนต์ไม่ทำงาน หรือบางครั้งก็ไม่มีเสียงใดๆ ให้สันนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่าแบตหมด ยิ่งถ้าหากเราเข้ารถมาแล้วพบว่าเปิดไฟหรือเปิดระบบไฟฟ้ารถยนต์เอาไว้อยู่ แล้วมาลองสตาร์ทเครื่องไม่ติดก็คิดเอาไว้อันดับแรกว่าแบตเตอรี่หมด
วิธีพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ยังไง ไม่ให้ไฟช็อต!
- นำหัวหนีบสายสีแดงด้านหนึ่งหนีบเข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวกของรถคันที่แบตหมด แล้วจึงนำปลายอีกด้านหนึ่งหนีบเข้ากับขั้วบวกของรถคันที่จะนำมาจั๊มแบต
- นำหัวหนีบสายสีดำด้านหนึ่งหนีบเข้ากับขั้วลบของแบตเตอรี่คันที่จะมาจั๊มแบตให้เรา แล้วจึงนำปลายอีกด้านหนีบเข้ากับขั้วลบของคันที่แบตหมด
- สตาร์ทรถยนต์คันที่จะมาจั๊มแบตทิ้งไว้ อาจจะเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยหากต้องพ่วงเข้ากับรถที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า จากนั้นให้ลองสตาร์ทรถคันที่แบตหมด เมื่อรถสตาร์ทติดแล้วให้เร่งเครื่องยนต์เพื่อปั่นกระแสไฟ ทำเช่นนี้ประมาณ 1 นาทีแล้วจึงถอดสายพ่วงแบตออก
***วิธีจั๊มแบตจาก Power Bank จั๊มสตาร์ทพกพา ก็ให้ใช้วิธีคล้ายกัน คือให้ใส่หัวหนีบสีแดงที่ขั้วบวกของรถคันที่แบตหมด และหัวหนีบสายสีดำที่ขั้วลบ หลังจากนั้นเปิดพาวเวอร์ตัวเครื่องแบตเตอรี่สำรอง เพื่อชาร์จไฟเข้า
วิธีการถอดสายพ่วงแบตให้ปลอดภัย
- ให้ถอดสายสีดำที่ขั้วลบก่อน แล้วค่อยถอดสายสีแดงที่ขั้วบวกออก เพียงเท่านี้
ขั้นตอนมีเพียงเท่านี้ ง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวคุณเอง หากต้องเพิ่มเติมเสริมความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น ควรสวมถุงมือกันไฟฟ้าช็อตก็ได้ แล้วถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ก็หมั่นเช็ครถให้เรียบร้อยก่อนจะลงจากรถทุกครั้ง จะได้ไม่เสียเวลาต้องมาคอยพ่วงแบตอีกนะครับ
Credit Pic : Auto Stuff work