More

    KIA ลุยตลาดเมืองไทยเต็มตัวเตรียมส่ง KIA Sorento ขายปีหน้า

    หลังจาก Hyundai ตัดสินใจทำตลาดเมืองไทยเต็มตัวมาเกือบหนึ่งปีพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบล่าสุดก็มาถึงค่ายรถเพื่อนบ้านอย่าง KIA

    KIAหลังจากที่ยนตรกิจ เกียมอเตอร์ ผู้จำหน่ายที่ขายมากว่า 20 ปี มีอันต้องเปลี่ยนมือมาเมื่อทางบริษัทแม่ที่เกาหลีดำเนินการเองโดยใช้ชื่อบริษัทว่า เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท ตั้งสำนักงานใจกลางเมือง เลขที่ 100 อาคารสาธรนคร ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถกระบะรถตู้ และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน วัตถุประสงค์ประกอบกิจการ เป็นการนำเข้า ส่งออก จำหน่าย (ทั้งปลีกเเละค้าส่ง) เเละยานพาหนะทุกประเภทซึ่งประกอบเสร็จเเล้ว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ อะไหล่ ชิ้นส่วน ส่วนประกอบ เเบตเตอรรี่ วัสดุ เเละอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ เเละยานพาหนะทุกประเภทซึ่งประกอบเสร็จเเล้ว

    ซึ่งในปัจจุบันรถใหม่ KIA มีการจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ KIA Carnival และล่าสุดกับการเปิดตัว KIA Sorento ที่งาน Motor Expo 2023 นำเข้าจากมาเลเซียโรงเดียวกับรุ่น Carnival ที่ KIA Malaysia Sdn Bhd เป็นบริษัทร่วมทุนโดย KIA  และ Bermaz Auto Berhad ตั้งอยู่ที่โรงงาน Inokom ในเมือง Kulim รัฐ Kedah ตามสิทธิ์ AFTA หรือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกลุ่มประเทศอาเซียน

    KIA

    รุ่นที่ขายไทยเป็นรุ่นก่อนปรับโฉมเริ่มที่ กระจังหน้าลายเสือหรือ Tiger Face พร้อมตราโลโก้ KIA ไฟหน้า LED 3 ดวงสว่างไสวในยามค่ำคืน พร้อม DRL LED แบบ  Multi Face Reflector และ Projection รับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมช่องระบายอากศสองจุดเล็กจุดใหญ่รูปตัวยู  ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า LED

    กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว ราวหลังคา หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ ไฟท้าย LED ออกแบบเป็นแนวตั้งสองจุดพร้อมฝาท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (เปิด-ปิดอัตโนมัติ) ด้วยระบบ Smart Tailgate พร้อมกันชนหลังใหม่ทูโทนเสริมคิ้วสีเงินและย้ายตำแหน่งไฟถอยมาที่ใต้กันชนหลัง เสาอากาศครีบฉลาม คิ้วขอบล้อกลมกลืนกับบังโคลนหน้า-หลังพร้อมล้ออัลลอยลายทูโทนขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55R19 จากค่าย Goodyear

    ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม Hyundai-Kia N3 พื้นฐานเดียวกับ Hyundai Santa FE ใหญ่ขึ้นทุกมิติตั้งแต่ความยาว 4,810 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร ความสูง 1,700 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,815 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากใต้ท้องรถ 174 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,835-2,056 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 47 ลิตรในรุ่น PHEV และ 67 ลิตรในรุ่น HEV

    KIA

    ภายในแตกต่างจากรุ่นปรับโฉมตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าดีไซน์อลังการตั้งแต่ชุดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล 12.3 นิ้วกับจอสัมผัส 10.25 นิ้วอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ HUD 8 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน คอนโซลกลางดีไซน์รูปตัว H ด้วยช่องแอร์แนวตั้งสองจุดคั่นกลางด้วยสวิตช์เครื่องปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมลำโพง BOSE 12 จุด และ 6จุดมาตรฐานให้เลือก หัวเกียร์ดีไซน์แบบหมุน Shift-by-Wire ซันรูฟแบบพาโนรามา ที่ชาร์จมือถือแบบไร้สาย ความสบายแบบ 3 แถว 6 หรือ 7 ที่นั่ง

    เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมบันทึกความจำ 2 ตำแหน่งพร้อมหนุนหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง และปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางให้เลือก และคนนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ให้เลือก พร้อมอุ่นเบาะและระบายอากาศที่เบาะคู่หน้า เบาะหลังพับได้แบบ 40/20/40 หรือ 40/40 ในตอนสองและตอนสามพับได้แบบ 50/50 โดยมีพื้นที่วางของ 187 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะทั้งสองตอนท้าย ถ้าพับตอนที่สามมีพื้นที่ 616 ลิตร และถ้าพับสองตอนท้ายมีพื้นที่ 2,011 ลิตร ระบบแจ้งเตือนผู้โดยสารตอนหลัง กุญแจรีโมทพร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกลและสีภายในใหม่เข้มแบบสีเทาดำ

    ขุมพลังสำหรับตลาดเมืองไทยชัดเจนแล้วว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Smartstream G T-GDI ขนาด 1.6 ลิตร Hybrid ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500 ถึง 4,500 รอบต่อนาที มีให้เลือกถึงสองความแรงทั้งรุ่น Full Hybrid- HEV จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 แรงม้าที่ 1,600 ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 264 นิวตันเมตรที่ 0 ถึง 1,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไออนความจุ 1 kWh ให้กำลังรวม 230 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร

    KIA

    รุ่น Plug In Hybrid-PHEV กำลังเครื่องเดียวกับรุ่น HEV แต่จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 67 แรงม้าที่ 2,100 ถึง 3,300 รอบต่อนาที แรงบิด 304 นิวตันเมตรที่ 0 ถึง 2,100 รอบต่อนาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไออนความจุ 14 kWh ให้กำลังรวม 265 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Active AWD โดยขาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 3.3 kW ชาร์จได้ถึง 3.25 ชั่วโมง 15-95% วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 68 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP พร้อมเทคโนโลยี DRIVE WiSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัย มีให้เลือกถึงสามรุ่นย่อยทั้งรุ่น Smart Plus HEV FWD,  Premium HEV FWD และรุ่น Premium Plus PHEV AWD ขายจริงช่วงต้นปีหน้า

    KIA

    KIA

    ทางด้านแผนงานที่จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยโดยมีกำลังการผลิต 250,000 คันต่อปี เป็นโรงงานดังกล่าวจะเป็นแห่งแรกในอาเซียนโดยจะเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศแห่งที่ 6 ต่อจากสหรัฐ จีน อินเดีย สโลวาเกีย เม็กซิโก และอาจเป็นโรงงานที่ KIA ลงทุนเอง ยังเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่จะสร้างโรงงานในไทยหลังจากโรงงานผลิตรถยนต์ที่อินเดียเกิดขึ้นในปี 2019 โดย KIA และรัฐบาลไทยจะมีลงนามข้อตกลงก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ภายในปีนี้ จะเริ่มก่อสร้างในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 และรุ่นแรกที่จะขึ้นสายการผลิตในไทยนั่นก็คือ KIA EV6 รถอีวีรุ่นเรือธงของค่าย ยังไม่มีความเคลื่อนไหวซึ่งรายละเอียดตรงนี้จะรีบมานำเสนอในครั้งต่อไปถ้ามีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน

    ที่มา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts