เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนตลาดรถยนต์เมืองไทยชะลอตัวต่อเนื่อง 9.8% ยอดขาย 61,621 คัน เก๋งโต 21.2% สวนทางปิกอัพหดตัว 39.1%
รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 ด้วยยอดขาย 61,621 คัน ลดลง 9.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์นั่งเติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 24,567 คัน เติบโต 21.2% ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สวนทางด้วยยอดขาย 37,054 คัน ลดลง 22.8% ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยังไม่ฟื้นตัวด้วยยอดขาย 22,104 คัน ลดลง 39.1%
ประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายนสำหรับตลาดรถยนต์นั่งเติบโต โดยอีโคคาร์เป็นเพียงเซกเมนท์เดียวที่มีการเจริญเติบโตที่ 32.2% ด้วยยอดขาย 18,783 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องปัจจัยหลักเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโตได้ตามที่คาดการ ความมั่นใจผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว โดยมีอุปสรรคสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ อันเป็นผลมาจากความกังวลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของผู้รับสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
ตลาดรถยนต์ธันวาคมมีความหวังฟื้นตัวขึ้นตามฤดูกาลขาย “High season” โดยมีความหวังสำคัญคือแคมเปญกระตุ้นตลาดช่วงสุดท้ายของปีในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 ซึ่งสามารถกวาดยอดจองรถทุกยี่ห้อในงานตลอด 14 วัน ได้ถึง 53,248 คัน เติบโตขึ้นถึง 45.17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่ายอดจองเหล่านี้จะมาผลักดันตลาดรถยนต์เดือนธันวาคมให้เติบโตขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2566
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 61,621 คัน ลดลง 9.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,700 คัน ลดลง 11.6 % ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,415 คัน ลดลง 37.1% ส่วนแบ่งตลาด 16.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,328 คัน เพิ่มขึ้น 0.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.9%
อันดับที่ 4 บีวายดี 4,512 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.3%
อันดับที่ 5 เอ็มจี 2,500 คัน เพิ่มขึ้น 29.5% ส่วนแบ่งตลาด 4.1%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 24,567 คัน เพิ่มขึ้น 21.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,512 คัน ลดลง 10.6% ส่วนแบ่งตลาด 30.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,928 คัน ลดลง 11.5% ส่วนแบ่งตลาด 16.0%
อันดับที่ 3 บีวายดี 3,370 คัน ส่วนแบ่ตลาด 13.7%
อันดับที่ 4 เอ็มจี 1,848 คัน เพิ่มขึ้น 102.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
อันดับที่ 5 เนต้า 1,492 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.1%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 37,054 คัน ลดลง 22.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,188 คัน ลดลง 12.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,415 คัน ลดลง 37.1% ส่วนแบ่งตลาด 28.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 3,400 คัน เพิ่มขึ้น 17.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%
อันดับที่ 4 ฟอร์ด 2,324 คัน ลดลง 51.6% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%
อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ 1,314 คัน ลดลง 33.6% ส่วนแบ่งตลาด 3.5%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ PPV*) ปริมาณการขาย 22,104 คัน ลดลง 39.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 9,377 คัน ลดลง 39.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 8,544 คัน ลดลง 37.3% ส่วนแบ่งตลาด 38.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,324 คัน ลดลง 51.6% ส่วนแบ่งตลาด 10.5%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 1,312 คัน ลดลง 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 5.9%
อันดับที่ 5 นิสสัน 452 คัน เพิ่มขึ้น 64.4% ส่วนแบ่งตลาด 2.0 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (PPV) ปริมาณการขาย 4,251 คัน ลดลง 40.2%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 1,500 คัน ลดลง 42.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 1,422 คัน ลดลง 42.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 845 คัน ลดลง 38.8% ส่วนแบ่งตลาด 19.9%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 406 คัน ลดลง 31.0% ส่วนแบ่งตลาด 9.6%
อันดับที่ 5 นิสสัน 78 คัน เพิ่มขึ้น 27.9% ส่วนแบ่งตลาด 1.8 %
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 17,853 คัน ลดลง 38.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,877 คัน ลดลง 38.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,122 คัน ลดลง 36.2% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,479 คัน ลดลง 56.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 906 คัน ลดลง 34.5% ส่วนแบ่งตลาด 5.1%
อันดับที่ 5 นิสสัน 374 คัน เพิ่มขึ้น 74.8% ส่วนแบ่งตลาด 2.1 %
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม –พฤศจิกายน 2566
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 707,454 คัน ลดลง 7.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 241,844 คัน ลดลง 6.5% ส่วนแบ่งตลาด 34.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 141,671 คัน ลดลง 27.1% ส่วนแบ่งตลาด 20.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 84,516 คัน เพิ่มขึ้น 13.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.9%
อันดับที่ 4 ฟอร์ด 33,655 คัน ลดลง 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 4.8%
อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ 30,466 คัน ลดลง 34.0% ส่วนแบ่งตลาด 4.3%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 266,365 คัน เพิ่มขึ้น 10.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 92,034 คัน เพิ่มขึ้น 24.7% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 51,297 คัน ลดลง 8.2% ส่วนแบ่งตลาด 19.3%
อันดับที่ 3 เอ็มจี 17,307 คัน เพิ่มขึ้น 37.2% ส่วนแบ่งตลาด 6.5%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 14,291 คัน ลดลง 26.1% ส่วนแบ่งตลาด 5.4%
อันดับที่ 5 เนต้า 12,057 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.5%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 441,089 คัน ลดลง 16.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 149,810 คัน ลดลง 18.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 141,671 คัน ลดลง 27.1% ส่วนแบ่งตลาด 32.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 33,636 คัน ลดลง 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 7.6%
อันดับที่ 4 ฮอนด้า 33,219 คัน เพิ่มขึ้น 78.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
อันดับที่ 5 บีวายดี 18,492 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.2%
4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ PPV) ปริมาณการขาย 301,001 คัน ลดลง 26.9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 127,260 คัน ลดลง 29.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 118,075 คัน ลดลง 25.1% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 33,636 คัน ลดลง 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 16,079 คัน ลดลง 39.6% ส่วนแบ่งตลาด 5.3%
อันดับที่ 5 นิสสัน 4,265 คัน ลดลง 29.9% ส่วนแบ่งตลาด 1.4%
*ปริมาณการขายรถปิกอัพดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 55,806 คัน ลดลง 5.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,318 คัน ลดลง 18.5% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 19,531 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 10,963 คัน เพิ่มขึ้น 33.7% ส่วนแบ่งตลาด 19.6%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 3,930 คัน ลดลง 42.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%
อันดับที่ 5 นิสสัน 1,064 คัน ลดลง 1.7% ส่วนแบ่งตลาด 1.9%
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 245,195 คัน ลดลง 30.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 107,729 คัน ลดลง 33.3% ส่วนแบ่งตลาด 43.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 97,757 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 22,673 คัน ลดลง 24.0% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 12,149 คัน ลดลง 38.7% ส่วนแบ่งตลาด 5.0%
อันดับที่ 5 นิสสัน 3,201 คัน ลดลง 36.0% ส่วนแบ่งตลาด 1.3%