ชัดเจนแล้วว่า Ford Everest พร้อมที่จะเปิดตัวขุมพลังใหญ่ดีเซล 3.0 ลิตร V6 ไว้มาต่อกรกับคู่แข่งแดนมังกรอย่างเอสยูวีพลังไฮบริดอย่าง GWM TANK 500
ล่าสุดผู้ใช้ Facebook เผยแพร่ภาพ Ford Everest V6 วิ่งทดสอบบแบบไม่ปิดปังพรางตัวจำนวนสามคันติดป้าย QC วิ่งทดสอบแถวทางหลวงมหายเลย 321 ทางแยกถนนมาลัยแมน สายนครปฐม–สุพรรณบุรี โดยรุ่นที่นำมาทดสอบนั้นเป็น Ford Everest V6 รุ่น Platinum ด้วยหน้าตาหรูหราตั้งแต่ไฟหน้า Matrix LED รูปตัว C ลายเส้นอันทรงพลังบนกระจังหน้า ลงตัวด้วยชุดกันชนหน้าเส้นด้านข้างตัวถังทอดยาวจากด้านหน้าจรดท้ายรถเน้นการออกแบบตัวถังที่สะดุดตา ชุดแต่งสีเดียวกับตัวรถทั้งกระจกมองข้าง ที่เปิดประตู กรอบกระจกโครเมียม ราวหลังคาสีเงินรองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัมขณะรถจอดอยู่กับที่และรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ส่วนล้ออัลลอยใหญ่สุด 21 นิ้วพร้อมยาง 275/45R21
ภายในห้องโดยสารแตกต่างโดยสิ้นเชิงด้วยการใช้วัสดุตกแต่งหรูหราติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศทุกส่วนที่แผงหน้าปัดด้านหน้าที่วางเต็มความกว้างของพื้นที่ คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า ระบบการชาร์จแบบไร้สาย เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter หุ้มด้วยหนังสวยงามจับถนัดมือ พร้อมเบรกไฟฟ้า เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับอุณภูมิและระบายอากาศได้ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเบาะนั่งแถว 2 แบบอุ่นเบาะได้ ปรับเลื่อนได้และพับได้แบบ 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 พับไดแบบ 50:50 พับได้
มาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้ว จอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 12 นิ้ว เชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4 สั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และเข้าถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชัน FordPass™ ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถด้วยความสามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่างๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อค และปลดล็อคผ่านโทรศัพท์มือถือหน้าจอทัชสกรีนแนวตั้งยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา ลำโพง B&O ระดับพรีเมียม 12 ตัว พร้อมหน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและสภาพเส้นทางด้านหน้าจากกล้องหน้าพร้อมกับแนวเส้นกะระยะ ช่วยผู้ขับขี่ฝ่าทุกอุปสรรคได้ง่ายขึ้น
เครื่องยนต์ดีเซล V6 มาประจำการเป็นเทอร์โบเดี่ยวในตระกูล Lion คาดว่าจะใช้ชื่อรหัส DSL-Lion B ขนาด 3.0 ลิตร Power Stroke ที่ให้กำลังมากถึง 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที ปรับสเปกเพื่อให้สามารถเข้าเกณฑ์ผ่านมาตรฐานไอเสียของไทยหรือ EURO 5 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter
พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case–EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้งโหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery และยามลุยมีทั้งโหมด Sand, Mud/Ruts พร้อมเฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร และมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม
เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่และความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น เริ่มต้นจากถุงลมนิรภัยรอบคันจุดติดตั้งระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมนิรภัยรอบคัน พร้อมระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างปลอดภัยเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็วและเบรกในการจอดรถแบบขนานหรือเข้าช่องจอดได้อย่างง่ายดาย และระบบจะนำรถออกจากที่จอดรถแบบขนานเมื่อได้รับคำสั่ง
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive cruise control with stop and go) และควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive lane centering) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping system with road-edge detection) ช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive steer assist) ช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse brake assist) ตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind spot information system with trailer coverage) ป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision assist with intersection functionality) เป็นต้น
Ford Everest V6 รุ่น Platinum เตรียมเปิดตัวในไทยช่วงเดือนมีนาคม ทันงาน Bangkok Motor Show 2024 คาดค่าตัวอยู่ในระดับสองล้านต้นๆ
ที่มาภาพ Choedsak Lookin