หลังจากได้เห็นทีเซอร์บนโลกออนไลน์ไปแล้วสำหรับ BMW 5 Series สปอร์ตซาลูนเจนเนอเรชันที่ 8 ที่พร้อมจะให้คนไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของ
BMW 5 Series เจนใหม่ ตั้งใจท้าชนกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Mercedes-Benz E-Class คู่ที่มีแผนเตรียมเปิดตัวในไทยเช่นกันในรหัสตัวถัง G60 ตัวรถทันสมัยลงตัวกว่า เจนก่อนๆตั้งแต่กระจังหน้าทรงไตคู่พร้อมไฟ LED เรืองแสงล้อมกรอบกระจังหน้าแบบ ‘Iconic Glow’ คล้ายกับ BMW XM พร้อมไฟหน้า LED แบบ Adaptive โคมใหม่ดูดีสปอร์ตขึ้น พร้อมปรับไฟสูงอัตโนมัติแบบ Matrix High Beam พร้อมหน้าตาที่ทันสมัยและดีไซน์ใหม่หมดตั้งแต่ชุดกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตที่คล้ายๆรหัส G30 ที่เปิดประตูที่หวนกลับมาใช้แบบยกก้านแทนดึงก้านคล้าย BMW X1 และเสา C ติดตรารูปเลข 5 เพื่อบอกว่าคันนี้คือ 5 Series ไฟท้าย LED แบบเส้นคู่แต่ยังคงเป็นแบบแยกไม่แบบแนวลากยาวเหมือนรถยุคใหม่แต่ก็ให้ความโฉบเฉี่ยวกว่า
ล้ออัลลอยลายใหม่ยังใช้ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/55R18, ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางหน้า 245/45R19 ยางหลัง 275/40R19 และ 20 นิ้วพร้อมยางหน้า 245/40R20 และยางหลัง 275/35R20 มิติตัวรถใหญ่ขึ้นลงตัวขึ้นตั้งแต่ความยาว 5,060 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร ความสูง 1,505-1,515 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 136-154 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,725-2,305 กิโลกรัมและความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร
ภายในแน่นอนว่ายกมรดกความไฮเทคมาจาก BMW 7 Series รหัส G70 มาเกือบหมดตั้งแต่คอนโซลหน้าดีไซน์ล้ำใส่จอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display ที่รวมทั้งจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัส 14.9 นิ้ว มาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบลอยตัวมีระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.0 แถมผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant มาให้ จอแสดงผลเหนือคอนโซลหน้าหรือ BMW Head-up Display มีแถบไฟ BMW Interaction Bar ในบริเวณชุดแผงคอนโซลหน้ากับแผงประตูสี่บาน
ปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) รองรับ BMW Digital Key ซึ่งเปลี่ยนให้ iPhone กลายเป็นเหมือนกุญแจรถสามารถล็อกและปลดล็อกรถได้โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นแบบ NFC (Near Field Communication) ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน BMW Intelligent Personal Assistant และ BMW gesture control ใช้นิ้วในการเพิ่มลดเสียงเปลี่ยนเพลง มีสั่งงานด้วยเสียงพร้อมปุ่ม iDrive และเครื่องเสียงคุณภาพจากแบรนด์ดัง Harman Kardon
พวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชันพร้อมเบาะหนังแท้ เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิอิสระที่คาดว่ามาให้ถึง 4 โซน พร้อมนวัตกรรมใหม่ครั้งแรกกับระบบเปลี่ยนเลนด้วยตาหรือ Automated Lane Change ช่วยเหลือผู้ขับขี่เพียงแค่ใช้สายตาหันมองรถก็จะเปลี่ยนเลนให้อัตโนมัติโดยทำงานร่วมกับเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวของตาผู้ขับขี่ ติดตั้งอยู่หลังพวงมาลัย
ขุมพลังสันดาปล้วนกับเสียบปลั๊กยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ BMW 5 Series เริ่มที่รุ่น Plug-In Hybrid 530e เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B48B20A 190 แรงม้าที่ 4,400-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลัง 299 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน Gen 4 รุ่นใหม่ ที่มีขนาดความจุ 12 kWh ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยโหมด HYBRID ที่ใช้พลังไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นพลังเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนโหมด ELECTRIC เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 55-68 กิโลเมตร
ขุมพลังสันดาปล้วน BMW TwinPower Turbo กับดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B47D20B 197 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 11 แรงม้า แรงบิด 25 นิวตันเมตรจากระบบ Mild Hybrid ที่มีขนาด 48 โวลต์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อมอบพละกำลังรวมสูงสุด 208 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 425 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.3 วินาที ในรุ่น 520d
รุ่น 540i xDrive กับเบนซินเทอร์โบใหญ่สุด 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร รหัส B58B30C ให้กำลังมากถึง 381 แรงม้าที่ 5,200-6,250 รอบต่อนาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 1,850-5,000 รอบต่อนาที จากระบบ Mild Hybrid ขนาด 48 โวลต์พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงถึง 381 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.7 วินาที แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive
ทุกขนาดขุมพลังทุกความแรงไม่ว่าจะสันดาป Mild Hybrid และ Plug In Hybrid จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Sport Steptronic เบื่องต้นเตรียมเปิดตัวที่เมืองไทยในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ก่อนเข้างาน Bangkok Motor Show 2024 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้