More

    ยุโรปได้ใช้ก่อน!​ Suzuki VITARA 2025 ปรับโฉมสายลุยพลังฟูลไฮบริด

    ตลอด 9 ปี ที่ Suzuki VITARA เจเนอเรชันที่ 4 รับใช้แฟนๆขาลุยทั่วโลกเน้นความสปอร์ตความสบายและสมบุกสมบันลุยได้ในคันเดียว

    Suzukiล่าสุด Suzuki VITARA ต่ออายุไปอีก 2-3 ปี ด้วยการปรับโฉมเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 6 ปีหลังการปรับโฉมครั้งแรกและดูเหมือนว่ายุโรปจะเปิดตัวก่อนใครในโลก

    หน้าตาใหม่เริ่มที่กระจังหน้าลดความดิบแนวตั้งมาเป็นแนวหรูแนวนอนเส้นโครเมียมด้านล่างและส่วนบนสีดำพร้อมตราโลโก้ขนาดใหญ่ กันชนหน้าดีไซน์ใหม่เสริมขอบตรงกลางทรงหกเหลี่ยมครอบทับไว้ พร้อมไฟ DRL แบบ LED แนวตั้งสองข้าง ไฟหน้า LED โคมเดิมโดดเด่นด้วยฝากระโปรงหน้ามีขอบหนา ไร้ไฟตัดหมอกหน้า LED

    ราวหลังคา กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้าย  LED ส่องสว่างกว่า กันชนหลังดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยสีทูโทนลายแอโรไดนามิกใบพัก 5 ก้าน Aerodynamically-Shaped ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R17 ให้ความหรูหรา

    พร้อมความใหญ่ของตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,175 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร ความสูง 1,610 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 175-185 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,320 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 47 ลิตรSuzukiภายในมีการปรับในส่วนจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ USB, Bluetooth และ Wi-Fi และเข้ากันได้กับ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงอำนวยความสะดวกด้วยการสั่งการทำงานของรถระยะไกลผ่านทางสมาร์ตโฟน

    Suzuki

    พร้อมออปชันเดิมตั้งแต่ มาตรวัดเรืองแสงกับจอแสดงข้อมูล MID แบบสี 4.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน พร้อมคอนโซลหน้าดีไซน์แปลกกว่าใครกับช่องแอร์ทรงกลมและนาฬิกาเข็มตรงกลางช่องแอร์กลมซ้าย-ขวาในชุดคอนโซลกลาง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งสีเข้มหุ้มหนังกลับปรับมือพร้อมระบบอุ่นเบาะ เบาะนั่งหลังพับได้แบบ 40:60 โดยมีพื้นที่วางของมากขึ้นหลังพับเบาะราวๆ 1,415 มิลลิเมตร แต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่วางของ 785 มิลลิเมตร และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ

    Suzuki

    ขุมพลังสำหรับตลาดยุโรป มีให้เลือกทั้งฟูลไฮบริด จาก เบนซิน DUALJET Hybrid K15C 1.5 ลิตร ให้กำลัง 101 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที

    จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion 140V (ขนาด 6Ah) ขนาดความจุ 0.84 kWh พร้อมอินเวอเตอร์ และมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Synchronous Motor Generator Unit (MGU) ให้พลัง 33.4 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 100-2,000 รอบต่อนาที เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังถึง 116 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้  12.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 179 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้ความประหยัดมากถึง 19.6 กิโลเมตรต่อลิตร (WLTC mode)

    Suzuki

    และแบบ SHVS Mild Hybrid กับเบนซินเทอร์โบ BOOTSTERJET K14D 1.4 ลิตร 129 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 235 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,000 รอบต่อนาทีจับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion 48V (ขนาด 8Ah) ขนาดความจุ 0.384 kWh พร้อมอินเวอเตอร์ และมอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Integrated Starter Generator (ISG) รหัส WA06B ให้พลัง 14 แรงม้าที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิด 53 นิวตันเมตรที่ 500 รอบต่อนาที ประหยัดสุด 18.87 กิโลเมตรต่อลิตร

    จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด AGS (auto gear shift) ในรุ่น Hybrid ด้านรุ่น Mild Hybrid​ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALLGRIP intelligent มีทั้งสี่โหมดได้แก่ AUTO”, “SPORT”, “SNOW” และ “LOCK

    Suzukiปลอดภัยด้วย Suzuki Safety Support เวอร์ชันใหม่ทั้งเซนเซอร์ตรวจจับวัตถุด้านหน้า Dual Sensor Brake Support II (DSBS II) ตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ Driver Monitoring System (DMS) ล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) พร้อม Stop&Go เตือนรับรู้เครื่องหมายจราจร Traffic Sign Recognition ช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping Assist

    เตือนการออกนอกช่องทางเดินรถและรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Departure Warning and Prevention เตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor เตือนเมื่อมีรถวิ่งผ่านจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert และถุงลมนิรภัยรอบคัน

    Suzukiรุ่นปรับโฉมของเอสยูวีค่าย Suzuki เตรียมจำหน่ายยุโรปกลางปีนี้ตั้งแต่มิถุนายน-กันยายน ด้วยสีใหม่สีเทา Titan Dark Grey Pearl Metallic และ สีน้ำเงินเข้ม Sphere Blue Pearl รวมกับหลังคาดำ Cosmic Black Pearl Metallic

    ในขณะที่ออสเตรเลียถึงจะเปิดตามหลังยุโรปมีขุมพลังสันดาปล้วนทั้งเบนซินเทอร์โบ BOOTSTERJET รหัส K14C ขนาด 1.4 ลิตร 140 แรงม้า ที่5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที และเบนซินธรรมดา VVT รหัส M16A 1.6 ลิตร 120แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 156 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที

    จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในรุ่น 1.4 BOOTSTERJETและรุ่น 1.6 ลิตร และเกียร์ธรรมดา 6 สปีดในรุ่น 1.4 BOOTSTERJET ส่วนเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเฉพาะรุ่น 1.6 ลิตร พร้อมขับเคลื่อนสี่ล้อ ALLGRIP intelligent และขับเคลื่อนล้อหน้าให้เลือกในรุ่น 1.6 ลิตร และ 1.4 BOOTSTERJET แล้วช่วงต้นปี 2025 เพิ่มทางเลือกด้วยพลังฟลูไฮบริดด้วยเช่นกัน

     

    ที่มา Carscoops

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts