เมื่อเร็วๆ นี้ Bentley ได้กล่าวอำลา Continental GT รุ่นเก่าด้วยเวอร์ชัน V8 ล้วนๆ ด้วยรุ่นสุดท้ายอย่าง Edition 8 หนึ่งสัปดาห์ต่อมา แบรนด์หรูของอังกฤษได้เปิดตัว Continental GT รุ่นใหม่แบบคูเป้ แม้ว่าจะดูเหมือนรถยนต์รุ่นปรับโฉมที่เปิดตัวครั้งแรก ในปี 2017
อย่างไรก็ตาม Continental ได้เปิดเผยภาพและข้อกำหนดทางเทคนิคเบื้องต้น ทางด้านเครื่องยนต์ จะใช้ “Ultra Performance Hybrid” ของ Bentley ซึ่งมีพื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ V8 เครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้กำลังรวม 771 แรงม้าและแรงบิดมหาศาลถึง 1,000 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังนี้มีกำลังสูงกว่า W12 ที่ติดตั้งใน Batur ซึ่งมีพละกำลัง 740 แรงม้า และ 999 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ที่ไม่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก จะมีพลังงานเพียงพอสำหรับระยะทาง 80 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งน้อยกว่าเล็กน้อยในการทดสอบ EPA
รถยนต์โปรดักชั่นที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Bentley คือ การมีระบบบังคับเลี้ยวแบบ 4 ล้อและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมระบบเวกเตอร์แรงบิด พร้อมคุณสมบัติอื่นๆ การอัพเกรดเหล่านี้จะเปลี่ยน Continental GT ใหม่ ให้เป็น “รถเบนท์ลีย์ที่มีไดนามิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 105 ปีของบริษัท”
ตัวเลขทางด้านประสิทธิภาพยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่อาจเร็วกว่า Continental GT Speed แบบเก่า รถคูเป้ขับเคลื่อนด้วย W12 ต้องใช้เวลา 3.5 วินาที เพื่อเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ก่อนที่จะเร่งความเร็วสูงสุดที่ 334 กม./ชม.
เมื่อพูดถึงขุมพลังเทอร์โบคู่ 6.0 ลิตร การผลิตกำลังจะจบลงด้วยการผลิต Batur รุ่นสุดท้ายสุดพิเศษ หากมี Continental GT Speed ใหม่ในอนาคต ก็จะไม่มีเครื่องยนต์ W12
แม้ว่าจะไม่ได้ระบุน้ำหนัก แต่ภาพรวมเห็นว่าจะหนักกว่ารุ่น V8 รุ่นก่อนหน้า จากเพิ่มระบบไฮบริด รุ่นก่อนชั่งน้ำหนักได้เกือบ 2,177 กก. ดังนั้นอย่าแปลกใจเกินไปถ้ารุ่นใหม่จะมีน้ำหนักเกิน 2,268 กก. เหมือนที่ W12 รุ่นเก่าทำได้ แต่นั่นก็ไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจาก Continental GT เป็นรุ่นเรือธงที่หรูหรา มากกว่าที่จะเป็นรถสปอร์ตที่คล่องตัวในการวิ่งไปในสนามแข่ง
Continental GT รุ่นต่อไปจะเปิดตัวในเดือนมิถุนายนในรูปแบบคูเป้ โดยรุ่นเปิดประทุนมีแนวโน้มที่จะตามมาในไม่ช้า
Source: Motor1
