จากเคยเป็นสำนักแต่งรถเพิ่มพลังคู่บุญ Volvo จนกลายมาเป็นซับแบรนด์รถไฟฟ้าสำหรับ Polestar และ Polestar 1 ออกขายรุ่นแรกเมื่อปี 2017
และปัจจุบันก็ตกอยู้ในมือของ GEELY ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเมืองจีน โดยเป็นเจ้าของแบรนด์ Volvo เพื่อนร่วมชาติของ Polestar โดยังให้การสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่และวางแผนร่วมมืออย่างเข้มข้นไม่ว่าจะเรื่องการลงทุน วิจัย พัฒนา รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับรถรุ่นใหม่ การบริการหลังการขายและการผลิตของทั้งสองค่ายรวมถึงการทั้งการแชร์เทคโนโลยียานยนต์ร่วมกัน
และจากการที่มีรถใหม่ของค่ายวิ่งทดสอบในไทยจนเกิดข้อสงสัยว่าแบรนด์รถแรงจากค่ายดาวเหนือรายนี้จะมาทำตลาดหรือไม่จนล่าสุดทางสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า Polestar เตรียมบุกตลาดเพิ่มอีก 7 ประเทศไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศยุโรปทั้ง ฝรั่งเศส, สาธารณรัฐเช็ก, สโลวาเกีย, ฮังการี,โปแลนด์ กลุ่มประเทศละตินอเมริกาอย่างบราซิล และกลุ่มอาเซียนเช่นเมืองไทยภายในปี 2025 ด้านฐานการผลิตนั้นมีทั้งประเทศจีน, อเมริกา, เกาหลีใต้
สำหรับ Polestar มีรถจำหน่ายหลากหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Polestar 2 เก๋งลิฟท์แบก 5 ประตูพลังอีวีเปิดตัวในปี 2019 และได้รับการปรับโฉมไปตั้งแต่ปี 2023 ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังมากถึง Permanent-magnet synchronous motor ทั้งรุ่น Standard Range ความจุแบตเตอรี่ 69 kWh 272 แรงม้า แรงบิด 490 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดอัปขึ้นเป็น 518 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.4 วินาที
รุ่น Long Range มีสองแบบทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง เพิ่มความจุแบตเตอรี่มาเป็น 82 kWh 299 แรงม้า แรงบิด 490 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดอัปขึ้นเป็น 635 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.2 วินาที รุ่น Long Range ขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับความจุแบตเตอรี่ 82 kWh 427 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดอัปขึ้นเป็น 592 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 4.5 วินาที
ขั้นสุดอัปพลังด้วยรุ่น Performance Pack ขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับความจุแบตเตอรี่ 82 kWh 476 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดอัปขึ้นเป็น 592 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 4.2 วินาที ทั้งสี่รุ่นการชาร์จแตกต่างกันจากชาร์จกระแสตรง DC ชาร์จเร็ว 10-80% ด้วยกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 135 kW ภายในเวลา 34 นาที ในรุ่น Standard Range และ 205 kW ภายในเวลา 28 นาที ในรุ่น Long Range ทางด้านชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า กำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 7 ชั่วโมง ในรุ่น Standard Range และ 8 ชั่วโมง ในรุ่น Long Range
Polestar 3 มิดไซซ์เอสยูวี หล่อเท่สไตล์เดียวกับเพื่อนร่วมค่ายแม้กระทั่งต้นฉบับอย่าง Volvo ด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์ค้อน Thor’s Hammer ให้ความสว่างมากถึง 1.3 Megapixel HD พร้อมโลโก้ดาวเหนือขอบฝากระโปรง กระจังหน้าดีไซน์เล็กมีช่องระบายอากาศมีขนาดเล็กและขนาดใหญ่ทรงสามเหลี่ยมใต้กระจังหน้า ที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนรูปเรียบเนียน กระจกมองข้างดีไซน์เอกลักษณ์ กระจกแบบโอเปร่า หลังคารถที่ลาดลงและไฟท้าย LED ล้ออัลลอยมีให้เลือกถึงสามลายตั้งแต่ขนาด 21 นิ้ว และ 22 นิ้ว โดย ใช้แพลตฟอร์ม Sustainable Experience Architecture (SEA1) พื้นฐานเดียวกับ Volvo EX90
ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ permanent magnet synchronous motor กับความจุแบต 111 kWh เป็นแบตเตอรี่ประเภทลิเทียมไอออน 400 V ให้กำลังสูงสุด 489 แรงม้า แรงบิด 840 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5 วินาที แต่ถ้าเพิ่มพลังด้วยชุด Performance Pack จะได้แรงม้ามากสุด V ให้กำลังสูงสุด 517 แรงม้า แรงบิด 910 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.7 วินาที แต่ทั้งคู่ทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. จับคู่กบัเกียร์อัตโนมัติ Single Speed
ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งไกลสุด 610 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ในรุ่นมาตรฐานและ 560 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ในรุ่น Performance Pack ตามมาตรฐาน WLTP โดยการชาร์จแบบกระแสตรงหรือชาร์จเร็ว DC รองรับการชาร์จสูงสุด 250 kW จาก 10-80% เร็วสุด 30 นาที และชาร์จแบบกระแสสลับหรือขาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW จาก 0-100% ทำได้ 11 ชม. มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยการขับขี่บนทางหลวงอัตโนมัติขั้นสูงที่ใช้เซนเซอร์ LiDAR พร้อมระบบประมวลผลจากค่าย Luminar และ Nvidia เข้ามาด้วย
Polestar 4 คอมแพ็คเอสยูวีทรงคูเป้ หล่อโดนใจสาวกตั้งแต่ โลโก้ดาวเหนือบนขอบฝากระโปรงหน้า ในชุดกระจังหน้าปิดทึบทั้งแผงประกบกับไฟหน้า LED ดีไซน์ใบมีดคู่ ชุดกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศทรงสปอร์ตเสริมสเกิร์ตในตัว ด้านข้างเก๋ด้วยที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนรูปเรียบเนียนกับกระจกไร้กรอบหรือ Hardtop แบบโอเปร่า กระจกมองข้างดีไซน์เอกลักษณ์ หลังคารถที่ลาดลง ไฟท้าย LED ดีไซน์ U คว่ำ แนวยาว จุดสังเกตรุ่นนี้ไม่มีกระจกหลังบานใหญ่มาให้มาเป็นแนวปิดทึบ ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture (SEA) ถึงแม้วางตำแหน่งการตลาดให้เล็กกว่า Polestar 3
ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้า permanent magnet synchronous motor พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh ที่มีสองความแรงเริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิด 686 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 610 กิโลเมตรตามมาตรฐาน อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งคู่การชาร์จแบบกระแสตรงหรือชาร์จเร็ว DC รองรับการชาร์จสูงสุด 200 kW จาก10-80% ภายในเวลา 30 นาที และชาร์จแบบกระแสสลับหรือขาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด ทั้ง 11 และ 22 kW คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed
มาพร้อม SuperVision Advanced Driver Assistance System จาก Mobileye ที่มีกล้อง 12 ตัว เรดาร์ 1 ตัว และเซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัวเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ความปลอดภัยครบครันทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด ไม่มีถุงลมนิรภัยคั่นกลางระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB) เมื่อมีรถหรือคนมาจากด้านหน้าด้านหลัง จักรยาน และรถสวนทางขณะเลี้ยวทางแยก เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System (FCW) ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive cruise control (ACC) ช่วยควบคุมความเร็วเว้นระยะห่างจสกรถยนต์คันหน้า และรักษาตำแหน่งของรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Pilot Assist สูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Centering Assist (LCA) ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA) เตือนสัญญาณจราจร และตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดอัจฉริยะ Road sign recognition with intelligent speed limit assist ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ Driver monitoring system ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind-spot monitoring and intervention ตรวจวัดลมยาง Tyre pressure monitoring system เบาะนั่งคู่หน้ามีระบบช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและที่หลังจากการสะบัดของศีรษะได้ Front seat occupant whiplash protection และ เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร Interior motion sensor
Polestar 5 เก๋งใหญ่หล่อทั้งคันตั้งแต่ กระจกมองข้าง ที่เปิดประตูไม่ใช่ตู้กับข้าวเหมือนต้นแบบ ภาพรวมไม่ต่างกันตั้งแต่ ไฟหน้า LED ดีไซน์ค้อน Thor’s Hammer พร้อมโลโก้ดาวเหนือขอบฝากระโปรง ด้านท้ายมาในแบบไฟ LED เส้นเล็กพาดยาวแบบตัวยูคว่ำรวมถึงดีไซน์หลังคารถที่ลาดลงและกระจกทรงโอเปร่าตามแบบฉบับรถยุโรปในแบบ Coupe Sedan ไร้กรอบกระจก ภายในแต่เห็นในส่วนของพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ปักตราโลโก้ดาวเหนือ พร้อมมาตรวัดดิจิตอล จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่แนวตั้งควบคุมระบบความบันเทิงเครื่องปรับอากาศและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทำงานของรถยนต์อีกด้วย ในชุดคอนโซลหน้า
ด้านขุมพลังไฟฟ้านั้นให้กำลังมากถึง 884 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตรมาแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ วิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและอาจมีเวอร์ชันมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังโดยจะเปิดตัวในช่วงปี 2025 และจะมี Polestar 6 เวอร์ชันเปิดประทุนเปิดตัวในปี 2026 จับตาแล้วว่าค่ายรถดาวเหนืออย่าง Polestar จะเข้ามาขายไทยปีหน้าในช่วงเวลาไหนและรถรุ่นไหนจะเข้ามาทำตลาดนั้นต้องติดตาม
ที่มา Reuters, Positioningmag