More

    MG CYBERSTER ล็อตแรก 250 คันมาถึงไทยพร้อมส่งมอบปลายเดือนนี้

    หลังเปิดตัวให้ชาวไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของ MG CYBERSTER โรสเตอร์ไฟฟ้าสไตล์ยุโรปในรูปแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง พวงมาลัยขวาที่แรกในอาเซียน

    MGล่าสุด MG CYBERSTER ล็อตแรกจำนวน 250 คันมาถึงเมืองไทยแล้วและเริ่มทยอยส่งมอบให้ลูกค้ากลุ่มแรก ในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป 

    ภายนอก Exterior

    MGไฟหน้า LED Projector แบบ Laser Belt ภายใต้คอนเซ็ปต์ Eye of the Storm ด้วย กระจังหน้าเรียวยาวพร้อมตรา MG ในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ด้านท้ายแบบ Kammback ชุดไฟท้าย LED Red Wing ด้วยเส้นไฟที่เรียวเล็กดูชัดเจนสุดล้ำ ไฟเลี้ยวรูปทรงลูกศรสปอยเลอร์หลังที่ฝังตัวอยู่ในชิ้นเดียวกันลงตัว กันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำ

    ประตูรถออกแบบมาเปิดแบบปีกนกหรือ Scissor Doors แบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิดสามารถกำหนดขนาดของมุมในการเปิด-ปิดได้ตั้งแต่ 30 ถึง  76 องศา และยังมีระบบเซนเซอร์เพื่อความปลอดภัยเมื่อทำการเปิดประตูในที่แคบ หลังคาเปิดประทุนซอฟต์ท็อป ที่ใช้เวลาเปิด-ปิดเพียง 10 วินาที ล้ออัลลอยลาย Hacker Blade ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางหน้า 245/40R20 และยางหลัง 275/35R20 ตัวรถเริ่มที่

    • ความยาว 4,535 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,913 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,329 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,690 มิลลิเมตร
    • น้ำหนัก 1,976-2,010 กิโลกรัม

    ภายใน Interior

    MGปรับดีไซน์ให้ใช้งานง่ายจับสะดวกตามสไตล์แบบ “Digital Fiber” โดยรวมของภายในจะคล้ายกับรถมัสเซิลคาร์แดนมะกันอย่าง Chevrolet Corvette C8 วางผังที่นั่งให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางด้วยสีทูโทน ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft touch ออกแบบตำแหน่งที่นั่งแยกฝั่งซ้ายขวาออกจากกัน แผงคอนโซลหน้ามีแผงจอแสดงดิจิทัลขนาดใหญ่ LCD แบบ Dashboard Triple-Screen เป็นทั้งมาตรวัดขนาด 7 นิ้ว จอสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว และขนาด 7 นิ้ว จำนวน 3 จอเรียงต่อกัน  พร้อมระบบอัจฉริยะ i-SMART ระบบเสียงคุณภาพจาก Bose พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธและช่องเชื่อมต่อ USB เชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android

    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านกลับมาใช้แบบท้ายตัดหรือทรง D Shape ติดตราโลโก้ MG มีปุ่มโหมดการขับขี่ Super Sport สีแดง เบาะนั่งทรงสปอร์ต Y-Shape ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ใช้วัสดุพรีเมียมอย่างหนังแบบ Nappa สลับหนัง Alcantara เบาะคนขับและผู้โดยสารปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมบันทึกตำแหน่งได้ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิแยกอิสระระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งซ้ายและขวามีระบบ กรองอากาศ PM 2.5 Intelligent Smart Access ให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทรถได้อัตโนมัติเพียงการเหยียบเบรก และไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 เฉดสี

    สมรรถนะ Performance

    MGขุมพลังเป็นแบบไฟฟ้าให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน lithium-ion battery ที่มีความจุแบตเตอรี่ 77 kWh แบบ ม Ultra-Thin Rubik’s Cube Battery มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมมากสุด 544 แรงม้า แรงบิด 725 นิวตันเมตร จากมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าให้กำลัง 204 แรงม้าและมอเตอร์ไฟฟ้าหลังให้กำลัง 340 แรงม้า สามารถวิ่งไกลสุด 503 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาต่ำกว่า 3.2 วินาที พร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System)

    รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal ด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG SUPER CHARGE ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 146 แห่งทั่วประเทศ ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10%-80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 140 kW ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง รับรองที่สูงสุด 11 kW รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

    ระบบระบายความร้อน Straight Waterfall Grid Oil Cooling Technology ที่มีประสิทธิภาพสูง แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) การกระจายน้ำหนักแบบ 49:51 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Ultra- Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-link ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง ที่ออกแบบมาเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ

    ความปลอดภัย Safety 

    MGพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 26 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) ระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

    • โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
    • เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
    • ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
    • ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
    • เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
    • ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
    • ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
    • ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
    • ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
    • เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
    • สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
    • ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
    • ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
    • ช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
    • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
    • ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
    • ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
    • ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
    • ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
    • ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
    • ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

    นอกจากนี้ ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ  ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME LIGHT)MG

    มีสีภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง Flame Red สีเหลือง Photon Yellow และสีบรอนซ์เงิน Bullet Silver ภายในห้องโดยสารเป็นแบบทูโทน โดยสีทูโทนดำ-แดงจะแมทซ์กับสีภายนอกสีแดง และสีเหลือง ส่วนสีทูโทน-เทาขาวจะแมทซ์กับสีภายนอกสีบรอนซ์เงิน ในราคา 2,499,000 บาทสามารถชมรถคันจริงได้ที่ ศูนย์บริการ MG EVolution Showroom ทั้ง 9 สาขา ทั่วประเทศ พร้อมการรับประกันจาก MG ดังนี้

    • รับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร
    • รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
    • เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่กล้าลงมือทำก่อนใคร

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts