หลังจากเปิดไลน์ผลิต Porsche Cayenne ที่มาเลเซียเมื่อ 2 ปีก่อนจนได้รับการตอบรับอย่างดีล่าสุดเปิดสายการผลิต Porsche Cayenne Coupé
Porsche Cayenne Coupé เป็นเอสยูวีรุ่นที่ 2 ประกอบมาเลเซียและเป็นรุ่นแรกที่ส่งออกมายังประเทศไทยประกอบที่โรงงาน Sime Darby’s assembly ที่เมืองคูลิม รัฐเกอดะฮ์ มาในชื่อ Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupé พร้อมอุปกรณ์ที่เหนือกว่า
ภายนอก Exterior
โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ทรงพลังและสปอร์ตยิ่งขึ้น เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ดีไซน์ใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นด้วยโมดูลความละเอียดสูง 2 ชุด และพิกเซลกว่า 32,000 พิกเซลต่อโคมไฟ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ขณะที่ล้ออัลลอยลาย Cayenne ขนาด 20 นิ้ว สีเทา Vesuvius Grey พร้อมยางหน้า 255/55 ZR20 และยางหลัง 295/45ZR20 มอบความหรูหราและสปอร์ตให้กับรถ SUV คันนี้ได้อย่างลงตัว โดยตัวรถมีมิติดังนี้
- ความยาว 4,930 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,983 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,657 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,895 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 225-280 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,440 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร
ภายใน Interior
ภายในรุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ได้รับการยกระดับด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งพวงมาลัย GT Sports และ แพ็คเกจ Sport Chrono พร้อมนาฬิกา Porsche Design เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยยกระดับความหรูหราให้กับผู้ขับขี่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE® เบาะหนังคุณภาพเยี่ยม เลือกได้ 2 สี คือ สีดำ หรือ สีแดงบอร์โด (Bordeaux Red) พร้อมตราสัญลักษณ์ปอร์เช่บนพนักพิงศรีษะที่เบาะคู่หน้า
อีกทั้งระบบควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซน เครื่องฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทางพร้อมระบบจำตำแหน่งสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหลัง และม่านบังแดดด้านหลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง 404-434 ลิตร ในกรณีไม่พับเบาะ แต่ถ้าพับเบาะมีพื้นที่มากถึง 1,344 ลิตร
เพิ่มเติมความทันสมัยให้กับห้องโดยสารด้วย Porsche Driver Experience ประกอบด้วย ชุดหน้าปัดดิจิตอลแบบโค้งมนขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา ตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติได้รับการย้ายไปทางซ้ายของพวงมาลัยบนคอนโซลกลาง
การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องเก็บของและแผงควบคุมระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ดีไซน์สวยงามทันสมัยในโทนสีดำ แผงควบคุมระบบปรับอากาศมาพร้อมปุ่มกดขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย พร้อมสวิตช์ปรับอากาศแบบหมุน และปุ่มปรับระดับเสียงแบบสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและดูหรูหรา ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลังการชาร์จ 15 kW
รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple® CarPlay มอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งยังเอาใจผู้โดยสารด้านหลังด้วยระบบเตรียมติดตั้ง Rear Seat Entertainment ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถติดตั้งหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย ยกระดับความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
สมรรถนะ Performance
มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร รหัส DCB ให้กำลัง 353 แรงม้าที่ 5,400-6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,400-4,500 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์ แรงกว่าเครื่องยนต์ใน Cayenne E-Hybrid ถึง 49 แรงม้าเมื่อผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ให้กำลัง 176 แรงม้า แรงบิด 460 นิวตันเมตร และความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 25.9 kWh ส่งผลให้ระบบมีกำลังรวม 519 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 263 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 88 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ประหยัดน้ำมัน 50 กิโลเมตรต่อลิตร (NEDC) เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Tiptronic S ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel drive เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายและลุยได้ทุกเส้นทางชาร์จได้เฉพาะกระแสสลับ AC รองรับการขาร์จสูงสุด 11 kW 0-100% ภายใน 2.2 ชั่วโมง
พร้อมช่วงล่างลมอัจฉริยะแบบใหม่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Porsche Active Suspension Management (PASM) เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ เพิ่มความมั่นคง และง่ายต่อการควบคุมรถยนต์ทั้งบนถนนและทางออฟโรด เมื่อเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐานและรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและสมรรถนะของการขับขี่ ลดการโคลงของตัวรถในขณะขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งยังช่วยให้การปรับโหมดการขับขี่ระหว่าง Normal, Sport และ Sport Plus แตกต่างกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่มากขึ้น เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ช่วยปรับช่วงล่างได้หลากหลาย ตั้งแต่เน้นความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่สบายๆ ไปจนถึงโหมดสปอร์ตที่เน้นการตอบสนองฉับไว มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยจอด (ParkAssist) พร้อมกล้องรอบทิศทาง (Surround View)
ลูกค้าชาวไทยสามารถเลือก Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupé ปรับแต่งผ่านไมโครไซต์พิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะเปิดโอกาสให้แฟนๆ สามารถออกแบบในฝันได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีตัวถังและการตกแต่งภายใน รวมไปถึงการเพิ่มอุปกรณ์เสริม Tequipment หรือ แพ็คเกจปรับแต่งพิเศษจาก Porsche Exclusive Manufaktur
ส่วนรุ่นปกติมาในราคา 6,290,000 บาท มีกำหนดส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นไป สามารถจองรถยนต์รุ่นนี้ผ่านไมโครไซต์ (Microsite) ได้ที่ thcayenne.online สำหรับสีตัวถังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่
- สีขาวเมทาลิก Carrara White
- สีดำเมทาลิก Chromite Black
- สีเงินเมทาลิก Dolomite Silver