หลังจากเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่สำหรับกระบะค่ายเพื่อนที่แสนดีอย่าง Nissan Frontier เจเนอรเชันที่ 3 ครั้งนี้ปรับมาดให้ดุทนพร้อมลุย
ล่าสุด Nissan สหรัฐอเมริกา ประกาศราคาจำหน่าย Nissan Frontier MY2025 อย่างเป็นทางการโดยมาใน 2 ตัวถัง 2 รูปแบบทั้งรุ่นแค็ปตอนครึ่ง King Cab และรุ่น 4 ประตู Double Cab
ภายนอก Exterior
หน้าตาโหดเดิมเติมความดุดันด้วยกระจังหน้าใหม่ทรงเหลี่ยมบึกบึนพร้อมตะแกรงรังผึ้งขนาดใหญ่ติดตราโลโก้ Nissan พร้อมช่องระบายอากาศ 3 ช่องบนขอบกระจังหน้าสไตล์ Hardbody ยุค 90 การออกแบบกระจังหน้าเชื่อมต่อไปจนถึงชุดการ์ดเสริมกันชนหน้าในตัวตะขอลากรถใต้กันชนหน้าและตราโลโก้สีส้มแดง Lava Red ฝาครอบฝากระบะท้ายสีดำเข้มติดคาดยาวติดตราโลโก้ในรุ่น PRO4-X และ PRO-X
พร้อมไฟหน้า LED กับไฟ LED Daytime แบบ Quad-eyed รูปทรงสลับซับซ้อน ไฟตัดหมอก LED กระจกมองข้างทรงดุ ที่เปิดประตูดึงก้าน เสาอากาศครีบฉลาม ไฟท้าย LED กระจกหลังเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า และกันชนหลังเพิ่มสเต็ปด้านท้ายรถสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นลง
ล้อและยางมีตั้งแต่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 265/70R16 แบบ all-season และ 17 นิ้ว พร้อมยาง 265/70R17 แบบ all-terrain ภายใต้แพลตฟอร์ม F-Alpha truck platform
ภายใน Interior
ออปชันเด่นทั้งคอนโซลหน้าสวยงามพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อไร้สายของ Apple CarPlay กับ Android Auto พวงมาลัยหุ้มหนัง 4 ก้านปักโลโก้ Nissan ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เป็นอออปชันใหม่ให้ทุกรุ่น มาตรวัดเรืองแสงมีจอแสดงข้อมูล MID 7 นิ้ว
พร้อมลำโพง 4 จุด 6 จุด และ 10 จุดจาก Fender Premium Audio เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity โดยคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง คนนั่ง 4 ทิศทางปรับธรรมดา
สมรรถนะ Performance
พร้อมขุมพลังแรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 DIG รหัส VQ38DD 3.8 ลิตร 314 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 381 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมช่วงล่างด้านหน้าปีกนกคู่อิสระและแหนบหลังแผ่นซ้อนและโช้กอัพจาก Bilstein ในรุ่น PRO4-X
ในรุ่น Double Cab PRO4-X และรุ่น SL Long Bed เพิ่มความยาวกระบะท้ายเป็น 183 เซนติเมตร หรือ 6 ฟุต กำลังฉุดลากสูงสุด 3,243 กิโลกรัม (เพิ่มจากเดิม 226 กิโลกรัม)
ความปลอดภัย Safety
- เตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning-LDW)
- เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning-BSW)
- ตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert-RCTA)
- กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor-IAVM) ทำงานคู่กับเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection-MOD)
- เทคโนโลยีเตือนเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning-IFCW)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking–IEB)
- เตือนคนขับอัจฉริยะ (Intelligent Driver Alertness-IDA)
- ควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention-ILI)
- เปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam-AHB)
- สัญญาณกะระยะการจอดด้านหลัง Rear Parking Sensors
- ควบคุมความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control
- กล้องส่องภาพใต้ท้องรถในขณะที่ขับขี่เส้นทางโหด Off-Road Mode
Nissan Frontier MY2025 เปิดราคาจำหน่ายทั้งหมด 12 รุ่นย่อยทั้งเกรด S, SV, PRO-X, PRO4-X และรุ่นท็อป SL ในราคา $33,560-$46,620 หรือราว 1,134,000-1,575,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย
ที่มา Motor 1