ทำตลาดมาหลายปีจนขายดีทั้งในจีนและบางประเทศที่ส่งไปขายสำหรับ BYD TANG DM-i เอสยูวีเจเนอเรชันที่ 2 ตระกูล Dynasty หลากหลายขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดและอีวีล้วน
ล่าสุดปรับลุคใหม่ BYD TANG DM-i รุ่นปี 2025 ติดตั้งขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดเวอร์ชันใหม่ DM 5.0 มาพร้อมลุคใหม่สไตล์เข้มกว่าครั้งไหนๆ
เริ่มที่หน้าตาสไตล์ Dragon Face แบบสีดำโครมแทนโครเมียมตั้งแต่ชุดกระจังหน้าในส่วนขอบกระจังช่องระบายอากาศรวมถึงกรอบกระจกราวหลังออกแบบใหม่กรอบกระจกเสา D มาแบบสีดำตัวอักษรมาแบบสีดำด้านท้ายมาด้วยไฟท้าย LED แนวยาวดีไซน์ใหม่สวยดูดีกว่าเดิมพร้อมหลังคารถพาโนรามิกซันรูฟล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 255/50 R20 ตัวรถใหญ่ทุกมิติตั้งแต่
- ความยาว 4,870 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,950 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,725 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,820 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 53 ลิตร
ภายในมาแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง 2+3+2 กว้างสบายด้วยเบาะนั่งตอนที่ 2 กับ 3 พับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนของมากถึง 1,655 ลิตร และถ้าพับตอน 3 อย่างเดียวมีพื้นที่ถึง 940 ลิตร
แผงคอนโซลหน้าดีไซน์หรูได้จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว แบบ 3 มิติ สามารถหมุนจอได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมมาตรวัดจอสี LCD 12.3 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน พร้อมลำโพง DYNAUDIO 12 จุด
มีระบบระบายอากาศที่เบาะนั่งคู่หน้า ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light พร้อมไฟกะพริบตามจังหวะเพลง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าโดยด้านคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง คนนั่งปรับ 4 ทิศทาง และชายบันไดกันรอยขีดข่วนสีเงิน
เชื่อมต่อ Apple Car Play Android Auto รองรับ 5G พร้อมระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink 100 รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง จอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า W-HUD
ที่ชาร์จมือถือไร้สาย 50 W หัวเกียร์ทรงหรูรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด และกุญแจ BYD Digital Key
ขุมพลังเป็นเบนซินเทอร์โบปลั๊กอินไฮบริดขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQB 156 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร พร้อมไฮบริดไฟฟ้า EHS200 ประกอบด้วย แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน lithium iron phosphate (LFP) ให้ความจุแบต 21.504 kWh กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่น TZ210XYD 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV
ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.5 วินาที วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 115 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC น้ำมัน 1 ถังกับชาร์จ 1 ครั้งวิ่งไกลสุด 1,150 กิโลมตร ประหยัด 20.20 กิโลเมตรต่อลิตรตามมาตรฐาน NEDC
รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC ภายใน 3.3 ชั่วโมงและการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 40 kW 30-80% ภายใน 30 นาที มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) 6.6 kW สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้
ระบบกันสะเทือนแบบ DISUS C จากพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut เสริมความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนนและด้านหลังแบบอิสระ 5-Link ยกระดับความนุ่มนวลและความสบายระหว่างการเดินทางเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกให้ห้องโดยสารเงียบสงบตลอดเส้นทาง
ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงได้แก่
- ช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICC)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go
- ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)
- ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LDA)
- ช่วยควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)
- จดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
- เตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ช่วยเตือนยานพาหนะด้านข้าง (LCA)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
ความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้าและด้านหลังรวม 6 จุด ช่วยเสริมแรงเบรกอัจฉริยะ (HBB) ช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ (HBA) ช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH)
BYD TANG DM-i รุ่นปี 2025 ขายจีนทั้งหมด 4 รุ่นย่อยเริ่มต้นที่ 179,800-207,800 YUAN หรือราว 854,000-985,000 บาทและมาพร้อมสีใหม่สีเทา WEIYANG และพบกับ TANG เจเนอเรชันที่ 3 เร็วๆนี้
ที่มา CARNEWSCHINA
