นับตั้งแต่ Nissan ส่งข่าวดีมาฝากแฟนๆชาวเพื่อนที่แสนดีว่าจะส่ง Nissan Serena มาขายในไทยทั้ง 2 เจนโดยหนึ่งในนั้นมี Nissan Serena e-Power
Nissan Serena e-Power เจเนอเรชันที่ 6 ในรหัส C28 เปิดตัวที่ญี่ปุ่นตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2022 ส่งไปขายในกลุ่มอาเซียนบางประเทศ
ด้วยดีไซน์ทรงกล่องหน้าหล่อสปอร์ตทั้งคันด้วยกระจังหน้ารูปตัววีดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan ไฟหน้า LED สามดวงแนวตั้งพร้อมปักชื่อ Serena บนขอบไฟหน้า มีไฟ DRL แบบ LED ชุดกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้าดวงเล็กแบบ LED ชุดแต่งสีดำให้เลือกในตำแหน่งหลังคารถและกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ที่เปิดประตูโครเมียมพร้อมประตูสไลด์เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าด้วยการแกว่งเท้าใต้ท้องรถเสา A มีกระจกขนาดเล็กแบบเดียวกับเจนที่แล้วครอบสีดำ ที่ครอบทับฝาท้ายส่วนบนกระจกท้ายเสา C กับ D แบบตัววี
ฝาท้ายแบบ DUAL BACK DOOR เปิดได้ 2 ส่วนทั้งครึ่งบานส่วนบนและทั้งบานเต็มๆ ติดตั้งคิ้วเล็กสีดำปะชื่อ Serena คิ้วใหญ่กรอบป้ายทะเบียนโครเมียม ติดตั้งกันชนหลังแผงทับทิมแนวตั้งและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ไฟท้าย LED แนวตั้งแบบ Boomerang และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/65 R16 ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่
- ความยาว 4,765 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,715 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,870 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,810 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 150 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 52 ลิตร
เสริมหรูด้วยชุดเบาะนั่ง 7 ที่นั่ง 2+2+3 หุ้มหนังและผ้าสีดำ เบาะนั่งปรับสูงต่ำได้แบบ Zero Gravity พร้อมเบาะนั่งตอนที่ 2 แบบ Captain Seats สามารถเลื่อนได้ เบาะนั่งตอนที่ 3 พับแบบ 50:50 แขวนบนเสา D ที่วางแก้วมากถึง 17 จุด
แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ที่ต่างจากเจนที่แล้วเริ่มที่ มาตรวัดขนาดใหญ่พร้อมจอ MID ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับระบบความบันเทิง Infotainment รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto กับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน
เครื่องปรับอากาศปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวา ด้านหลังแบบ Triple Zone ปุ่มเกียร์อัตโนมัติในตัว ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ปุ่ม Push Start และช่องเสียบ USB Type C
ขุมพลังเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์เบนซิน e-Power รหัส HR14Dde ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motor และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ขนาด 1.769 kWhโดยเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวมสูงสุด 163 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที
พร้อมระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกันจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ECO, Standard, Sport ประหยัดสุด 20.7 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน WLTC และความปลอดภัย Nissan Safety Shield 360
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control–ICC)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist -LKA)
- แจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ (Lane Departure Warning -LDW)
- ช่วยป้องกันรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Prevention -LDP)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor–IAVM) ทำงานร่วมกับเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection–MOD) พร้อมกล้องมองหลัง
- เตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning–IFCW)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking–IEB) พร้อมตรวจจับคนเดินและคนปั่นจักรยาน
- ป้องกันการชนจากจุดอับสายตาอัจฉริยะ (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI)
- เตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)
- เตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert–RCTA)
- กระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror-IRVM)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist-HBA)
- เตือนการขับขี่เมื่อยล้าอัจฉริยะ (Intelligent Driver Attention Alert-IDAA)
ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist–HSA) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control–VDC) ถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน 6 จุด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts)เบรก ABS, EBD, BA และดิสก์เบรก 4 ล้อ
ไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Nissan’s Pro Pilot เวอร์ชัน 1.0 จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor
คาดว่าเจนนี้ยังนำเข้าจากญี่ปุ่นและเตรียมพบตัวจริงในช่วงปีหน้าจะทันเข้างาน Bangkok International Motor Show 2025 หรือไม่ต้องติดตาม