More

    Mercedes-Benz G-Class โฉมใหม่สายลุยทรงเหลี่ยมเริ่ม 9.5 ล้านบาท

    หลังจากเปิดตัวทั่วโลกไปเมื่อต้นปีสำหรับ Mercedes-Benz G-Class เจเนอเรชันที่ 3 รหัส W465 ครั้งนี้มาครบทั้งสันดาปและอีวีล้วนครั้งแรกของ G-Class

    Mercedes-Benz G-Classและมาถึงเมืองไทยอย่างเป็นทางการสำหรับ Mercedes-Benz G-Class เจนใหม่ที่งานวิศวกรรมยกมาจากรหัส W463 คลุกเคล้ากันจนลงตัว

    ภายนอกทั้ง 2 รุ่นหล่อเท่ท้ากาลเวลาสืบสานตำนานลุยตั้งแต่ปี 1979 เริ่มที่เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED สามารถตรวจจับทางโค้งและมุมอับสายตาอย่างแม่นยำผสานการทำงานกับฟังก์ชัน ULTRA RANGE Highbeam ปรับความสว่างของไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตร โดยอัตโนมัติหากไม่พบรถยนต์ที่วิ่งสวนทาง ช่วยให้การขับรถทางไกลนอกเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า

    ไฟเลี้ยวเชื่อมเข้ากับตัวถัง กระจังหน้าใหม่มีเส้นแนวนอน 4 เส้นจากเดิม 3 เส้นใหญ่ปะตราดาว กันชนหน้าดีไซน์ใหม่คาดเส้นสีเทาแนวตั้ง 2 เส้นพร้อมช่องระบายอากาศใหม่ 2 ข้าง ด้านข้างติดตั้งหลังคาพาโนรามิคซันรูฟแบบเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูพร้อมคิ้วขอบประตูคาดยาว คิ้วขอบล้อทรงเหลี่ยม กาบบันไดข้าง ไฟท้าย LED ดวงเล็กพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ติดกระจก กันชนหลังดีไซน์ใหม่ติดแผงทับทิม 2 ฝั่งคาดเส้นสีเทาแนวตั้ง 2 เส้นเหมือนด้านหน้า

    Mercedes-Benz G-Classพร้อมการตกแต่งตามแต่ละรุ่นเริ่มที่ Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology รุ่นพิเศษ EDITION ONE ที่ยกระดับฟีเจอร์ต่างๆไปอีกขั้นอาทิ ชุดแต่งภายนอกรอบคันแบบ AMG Bodystyling ชุดแต่ง Night Package และ MANUFAKTUR logo package in black โดยจะมีสัญลักษณ์รูปตัว G เพื่อสื่อถึงไอคอนิกของ G-Class ทุกตำแหน่งเช่น มือจับประตู ไฟส่องที่พื้น กาบบันไดข้างสีดําแบบ MANUFAKTUR running bords

    ด้านหลังของที่เก็บสัมภาระแทนตำแหน่งยางอะไหล่ทั้งยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยเส้นด้านข้างของตัวรถซึ่งจะถูกตกแต่งด้วยสีเงินและสีน้ำเงิน มาพร้อมกันชนหน้าและคาลิปเปอร์ที่ตกแต่งด้วยสีน้ำเงินเช่นกันและระบบกุญแจ KEYLESS-GO ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 275/50 R20 ลาย AMG 10-spoke ที่มีรูปแบบให้เลือกมากยิ่งขึ้นตามความชื่นชอบของผู้ขับขี่ และล้ออัลลอย 5-twin-spoke ขนาด 18 นิ้ว พ่นสี high-gloss black พร้อมยาง 265/60R18 ในรุ่น Standard

    Mercedes-Benz G-Class

    ทางด้าน Mercedes-Benz G 450 d โดดเด่นด้วยชุดแต่ง AMG Line รอบคัน ช่วยให้สัมผัสบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มที่ขณะขับขี่ในเส้นทางต่างๆ MANUFAKTUR logo package โดยจะมีสัญลักษณ์รูปตัว G เพื่อสื่อถึงไอคอนิกทุกตำแหน่งเช่น มือจับประตู ไฟส่องที่พื้น

    มีที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดทำจากสแตนเลสที่มีตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แบบ 3 มิติ มาพร้อมระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO สามารถเข้าออกตัวรถได้เพียงถือกุญแจไว้ใกล้ตัว ระบบจะทำการปลดล็อกประตูโดยอัตโนมัติ และสามารถกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ทันที

    New A-pillar และสปอยเลอร์เหนือกระจกหน้าได้รับการออกแบบใหม่เพื่อลดเสียงรบกวนจากลมและการสั่นสะเทือนโดยการใช้วัสดุฉนวนแบบใหม่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างเงียบสงบและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นพร้อมล้ออัลลอยแบบ AMG ขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 275/50 R20 โครงสร้างตัวถังแข็งแกร่งแบบ ladder-type โดยมีมิติตัวรถตั้งแต่

    • ความยาว 4,624-4,728 มิลลิเมตรในรุ่น G 580 with EQ Technology
    • ความยาว 4,825 มิลลิเมตรในรุ่น G 450 d
    • ความกว้าง 1,984 มิลลิเมตรในรุ่น G 580 with EQ Technology EDITION ONE กับรุ่น G 450 d
    • ความยาว 1,931 มิลลิเมตรในรุ่น G 580 with EQ Technology Standard
    • ความสูง 1,983-1,989 มิลลิเมตรในรุ่น G 580 with EQ Technology
    • ความสูง 1,976 มิลลิเมตรในรุ่น G 450 d
    • ระยะฐานล้อ 2,890 มิลลิเมตร
    • ระยะต่ำสุดจากพื้น 250 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,555 กิโลกรัมในรุ่น G 450 d
    • น้ำหนักรถ 3,085 กิโลกรัมในรุ่น G 580 with EQ Technology
    • ความจุถังน้ำมัน 100 ลิตรในรุ่น G 450 d
    • ลุยน้ำได้สูงสุด 850 มิลลิเมตรในรุ่น G 580 with EQ Technology
    • ลุยน้ำได้สูงสุด 700 มิลลิเมตรในรุ่น G 450 d

    Mercedes-Benz G-Classภายในของรุ่น G 580 with EQ Technology EDITION ONE มีการตกแต่งแบบ AMG Interior มาพร้อมเบาะนั่งทูโทนตัดสลับสีเงินและเดินด้วยด้ายสีน้ำเงินทั้งคันพร้อมกับ Trim Carbon-fibre แบบพิเศษตกแต่งด้วยสีน้ำเงินรวมถึงการเพิ่ม Active Multi Contour Seat ของเบาะนั่งคู่หน้า ช่วยให้ทุกการขับขี่และการโดยสารเป็นไปอย่างสะดวกสบาย

    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยตะเข็บสีฟ้า เข็มขัดนิรภัยสีเทา MANUFAKTUR magma grey และที่ชาร์จมือถือไร้สาย ที่วางแก้วแบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร
    แบบ Ionisation of interior air ทางด้านรุ่น G 580 with EQ Technology Standard ตกแต่งห้องโดยสารแบบ MANUFAKTUR trim elements in black piano lacquer

    Mercedes-Benz G-Classในรุ่น G 450 d มาพร้อมดีไซน์ภายในแบบ EXCLUSIVE Line Interior มอบความรู้สึกแบบสปอร์ตและพรีเมียมในทุกการเดินทาง  ตัวห้องโดยสารถูกออกแบบด้วยวัสดุตกแต่งพิเศษที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของ AMG ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันรุ่นใหม่พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส เบาะนั่งแบบหนัง แผงหน้าปัด

    อีกทั้งแป้นควบคุมกลางคอนโซลสำหรับระบบ MBUX7 พร้อมปุ่มควบคุมลัด DYNAMIC SELECT และปุ่มควบคุมระดับเสียง ศูนย์ควบคุมโหมดออฟโรดออกแบบใหม่ รวมถึงการควบคุมล็อกเฟืองท้ายทั้ง 3 จุด โหมด LOW RANGE โหมดเกียร์ธรรมดาและปุ่มเข้าสู่ OFFROAD COCKPIT

    พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ตัดสลับ MICROCUT microfibre วัสดุตกแต่งห้องโดยสารแบบสีดำ MANUFAKTUR trim elements in black flamed open–pore ash woodที่ชาร์จมือถือไร้สาย ที่วางแก้วแบบควบคุมอุณหภูมิ และระบบปรับคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร แบบ Ionisation of interior air

    Mercedes-Benz G-Classทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความบันเทิงด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX7 ทำงานโดยใช้ AI ที่จะจดจำรูปแบบการใช้งาน และปรับการตั้งค่าให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่แต่ละคน ติดตั้งหน้าจอความละเอียดสูงพร้อมระบบควบคุมแบบสัมผัสขนาด 12.35 นิ้ว สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านการสัมผัสและแสดงข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ระบบนำทางและการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย

    รองรับการสั่งงานด้วยเสียงเจเนอเรชันใหม่ได้ถึง 27 ภาษา มีระะบแผนที่นําทางแบบ Hard-disc navigation
    พร้อมแผนทีแบบ 3 มิติ พร้อมสภาพการจราจร Live traffic Information มาพร้อมระบบเสียง Burmester® 3D surround sound system ทรงพลังด้วยลำโพงคุณภาพสูงจำนวน 18 ตัว DSP 16 amplifier channels รอบห้องโดยสารด้วยกำลังขับขนาด 760 วัตต์ ถ่ายทอดเสียงอันไพเราะด้วยโหมดเสียงพิเศษแบบ Pure & 3D-Sound ที่ Burmester®

    Mercedes-Benz G-Class

    จอมาตรวัดความเร็ว 12.35 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านท้ายตัดแหุ้มหนัง NAPPA มีขอบโค้งจับได้กระชับมือและส่วนนูนบอกตำแหน่งการจับเพื่อช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี ช่องลมของเครื่องปรับอากาศทรงกลม ช่อง USB Type-C 2 ตําแหน่ง

    Mercedes-Benz G-Classสวิตช์ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบช่วงล่าง ชุดเบาะนั่งมีระบบจดจำการปรับตั้งค่าเบาะระบบอุ่นเบาะสำหรับทุกคนในห้องโดยสาร พนักพิงศีรษะสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า เบาะหลังสามารถพับลงได้ 3 ตอน คือ 40%, 60% และ 100% ทั้งยังปลอดภัยด้วยระบบกรองอากาศแบบ Air Balance Cabin-Air Purification System ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษจากภายนอก พร้อมปรับสภาพอากาศภายในห้องโดยสารให้สะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ

    Mercedes-Benz G-Class

    ขุมพลังมี 2 ทางเลือกเริ่มที่ G 580 with EQ Technology Standard และ EDITION ONE ขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวแยกติดตั้งทั้ง 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 587 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,164 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 4.7 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel drive วิ่งได้ไกลถึง 473 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง โดยยังรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC charge) สูงถึง 200 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 32 นาทีจาก10-80% ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0–100% ในระยะเวลา 11.45 ชั่วโมง

    โครงสร้างตัวถังนิรภัยถูกออกแบบมาพร้อมความแข็งแรงและทนทานในทุกสภาวะ มอบความปลอดภัยด้วยการใช้เหล็กกล้าที่มีความหนากว่า 3.4 มิลลิเมตร เพื่อปกป้องและลดการบิดตัวของห้องโดยสาร ทั้งยังเสริมความแกร่งด้วยโครงสร้างพิเศษแบบ Carbon-fibre skid plate ที่มีความหนา 3 เซนติเมตรในการปกป้องแบตเตอรี่แบบ high-voltage อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ทั้งแบบ on-road และ off-road

    Mercedes-Benz G-Classการขับขี่แบบ off-road จะมาพร้อม G-TURN ซึ่งเป็นระบบการกลับรถรูปแบบใหม่ที่สามารถหมุนรถได้ถึง 720 องศา หรือ 2 รอบ ช่วยให้ตัวรถสามารถหมุนตัวกลับได้ในทันที และระบบการเข้าโค้งแบบ G-STEERING ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวให้แคบลง

    โดยสั่งการให้แต่ละล้อเพิ่มหรือลดกำลังอย่างอิสระตามสถานการณ์ ในความเร็วไม่เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การเข้าโค้งง่ายดายกว่าที่เคย โดยทั้งสองระบบนี้จะจำกัดให้สามารถทำงานได้บนพื้นถนนที่เป็น off-road แบบถนนทรายหรือถนนเปียกเท่านั้น พร้อมกับ ELECTRIC DYNAMIC SELECT โปรแกรมรูปแบบการขับขี่ที่มีให้เลือกมากถึง 5 แบบ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการขับขี่ on-road มีให้เลือก 3 โปรแกรม ได้แก่ Comfort, Sport และ Individual

    นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการขับขี่เฉพาะสำหรับรูปแบบการขับขี่แบบ off-road ให้เลือก 2 โปรแกรม ได้แก่ Trail และ Rock โดยการใช้งานโปรแกรมการขับขี่ LOW RANGE จะสามารถใช้ได้แค่ในโหมด ‘Rock’ เท่านั้น

    Mercedes-Benz G-Classส่วนรุ่น G 450 d พัฒนาขึ้นใหม่คันนี้โดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะการขับขี่และการประหยัดพลังงานไปอีกขั้นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2-stage turbocharger 6 สูบแถวเรียง รหัส OM656M ขนาด 3.0 ลิตรเพิ่มพลังเป็น 367 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 750 นิวตันเมตรที่ 1,350-2,800 รอบต่อนาที

    ทำงานคู่กับระบบ Mild Hybrid ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V electrical system สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถ โดยมอบพละกำลังได้สูงถึง 120 แรงม้า เสริมแรงบิดอีก 200 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    คู่กับเกียร์อัตโนมัติ  9G-TRONIC เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ (Steering-wheel gearshift paddles) บนเส้นทางและนอกเส้นทางทั่วโลกสามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น ด้านความสามารถในการขึ้นลงทางลาดชัน ความสูงใต้ท้องรถที่เหมาะสม หรือแรงขับเคลื่อน อันมหาศาล ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานผสานกันของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบกระจายแรงบิด “differential locks” ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ G-Class

    Mercedes-Benz G-Classโหมดขับเคลื่อนความเร็วต่ำแบบ LOW RANGE โดยระบบจะใช้เกียร์ต่ำเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ช่วงล่างของรถยนต์คันนี้ยังได้รับการปรับจูนใหม่ให้มีความแข็งแกร่ง สามารถลุยไปได้ในเกือบทุกพื้นที่ ในขณะที่ยังคงความนุ่มนวลไว้เมื่อขับขี่แบบปกติและบังคับและควบคุมการส่งกำลังแบบ 100% differential locks พร้อมช่วงล่าง Adaptive Damping System พร้อมความปลอดภัยรอบคันทั้ง

    • ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE system)
    • ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC)
    • ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist with exit warning function)
    • ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist)
    • ช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist)
    • ช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
    • ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
    • ช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist)
    • ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lane Keeping Assist)
    • แจ้งเตือนขณะเปดประตูรถ (Exit warning function)

    ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตําแหน่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่งสําหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) เบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist

    Mercedes-Benz G-Class

    ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (adaptive brake light) เตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator) เตือนแรงดันลมยางและหน้าจอแสดงสถานะลมยาง (Tire pressure monitoring system) เซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ emergency call system

    กล้อง 360° Transparent Bonnet ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นบริเวณด้านหน้าและใต้ท้องรถผ่านหน้าจอแสดงผล โดยใช้กล้องรอบตัวรถเพื่อสร้างภาพเสมือนจริง โดยเฉพาะในสภาพการขับขี่ที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การขับขี่ในเส้นทางออฟโรดหรือพื้นที่แคบ ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและมั่นใจในการขับขี่ ทำให้สามารถตรวจสอบสภาพพื้นผิวและสิ่งกีดขวางได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้ได้สัมผัสจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยที่แท้จริง

    แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง ชุดอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT ในรุ่น G 580 with EQ Technology EDITION ONE  และ G 450 d มีระบปกป้องการโจรกรรมรถยนต์แบบ GUARD 360°

    Mercedes-Benz G-ClassMercedes-Benz G-Class เจนใหม่จำหน่ายในไทยด้วยสีตัวถังให้เลือกทั้ง Metallic และ Non-Metallic กว่า 8 สี, MANUFAKTUR Metallic Paint 8 สี, MANUFAKTUR Non-Metallic Paint 6 สี, MANUFAKTUR Bright Paint 1 สี, MANUFAKTUR Magno Paint 10 สีในรุ่น G 580 with EQ Technology STANDARD และ G 450 d 

    พิเศษในรุ่น G 450 d มาพร้อมสี MANUFAKTUR Exclusive Magno Paint 2 สี และรุ่น G 580 with EQ Technology มาพร้อม MANUFAKTUR Exclusive Magno Paints 3 สี และสีน้ำเงิน (MANUFAKTUR South Sea Blue Magno)

    Mercedes-Benz G-Class

    ส่วนรุ่นพิเศษ “EDITION ONE” มีสีตัวถังพิเศษให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ (Obsidian Black Metallic) สีน้ำเงิน (MANUFAKTUR South Seas Blue Magno) สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีเทา (MANUFAKTUR Classic Grey Non-metallic) ในราคาจำหน่ายดังนี้

    • G 580 with EQ Technology รุ่น “STANDARD” เริ่มต้นในราคา 9,500,000 บาท
    • G 580 with EQ Technology รุ่น “EDITION ONE” เริ่มต้นในราคา 12,200,000 บาท
    • G 450 d เริ่มต้นในราคา 12,200,000 บาท

     

     

     

     

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts