ครั้งแรกของอัครยานยนต์หรูค่ายตราดาวอย่าง Mercedes-Maybach เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายในร่างเอสยูวีกับ Mercedes-Maybach EQS SUV
สำหรับสเปกไทยจำหน่ายเป็น Mercedes-Maybach EQS 680 SUV ขายเพียงรุ่นเดียวนำเข้าจากสหรัฐอเมริการหัส X296
จะว่าไปแล้วเอสยูวีหรูขั้นเทพพลังไฟฟ้าคันนี้ก็นำเอาพื้นฐานมาจาก Mercedes-Benz EQS SUV มาตกแต่งดัดแปลงเสริมหรูไปอีกขึ้นนั่นเอง ตั้งแต่ กระจังหน้าซี่ลวดแนวตั้ง 29 ซี่ Radiator Grille โครเมียมสีเงินแบบปิดทึบ ล้อมกรอบแปะตราตัวอักษร Maybach ที่มาพร้อมกับโลโก้ดาวสามแฉกบนฝากระโปรงติดตั้งไฟหน้า LED แบบ Digital Light สามารถปรับความสว่างได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมและการจราจร พร้อมกันชนหน้าและช่องระบายอากาศโครเมียมดีไซน์พิเศษติดตรา Maybach
ด้านข้างมาพร้อมชุดแต่งโครเมียมตั้งแต่กรอบกระจกเสา B ที่เปิดประตูซ่อนรูปตัวถัง Seamless Doorhandles คิ้วชายล่าง บันไดข้างทรงเล็กติดชายล่างประตูพร้อมตราสัญลักษณ์ Maybach ติดตรงกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED มีไฟส่องใต้พื้นแบบตราโลโก้ Maybach เสา D
ติดตั้งระบบประตูแบบ Soft Close พร้อมประตูไฟฟ้า Electric Door ทั้ง 4 บาน และเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมระบบ KEYLESS-GO Convenience Package Plus สามารถเปิด-ปิดและควบคุมประตูได้ทั้งบานคู่หน้าและคู่หลัง โดยประตูไฟฟ้าสามารถทำงานได้แม้อยู่บนทางลาดชัน และทำงานร่วมกับระบบแจ้งเตือนอันตรายก่อนการเปิด-ปิดประตูรถ
ไฟท้ายแบบ LED ที่มีแสงพาดขวางเป็นแนวนอนตลอดฝาท้ายล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษขนาดใหญ่ 21 พร้อมยาง 275/45R21 ขนาด 22 นิ้วพร้อมยาง 275/40R22 โดยสร้างจากพื้นฐาน Mercedes-Benz EVA platform แบบเดียวกับ Mercedes-Benz EQS SUV
- ความยาว 5,125 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,034 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,721 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,210 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 3,075 กิโลกรัม
เมื่อเข้ามายังภายในห้องโดยสาร จะพบกับหน้าจอ MBUX Hyperscreen ยาวต่อเนื่องกันถึง 56 นิ้วซึ่งออกแบบตามแนวคิด Zero Layer concept พร้อมกระจกป้องกันรอยขีดข่วนคุณภาพสูง Gorilla® Glass แผ่นเดียวต่อเนื่องตลอดทั้งหน้าจอโดยแบ่งการใช้งานเป็น 3 ส่วน
ได้แก่หน้าจอ Driver Display แบบ LED matrix backlighting ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอ Central Display แบบ OLED ขนาด 17.7 นิ้ว และหน้าจอ Co-driver Display แบบ OLED ขนาด 12.3 นิ้วซึ่งแสดงผลได้คมชัดยิ่งขึ้นผู้โดยสารสามารถใช้หน้าจอ Co-driver Display ในการช่วยเหลือผู้ขับขี่ สามารถตั้งค่า ตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของรถ ค้นหาแผนที่ และใช้งานสื่อบันเทิงได้โดยไม่รบกวนผู้ขับขี่
ผสานการทำงานกับระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชันที่ 2 ภายใต้ระบบ NTG7 ที่รองรับคำสั่งเสียงได้มากถึง 27 ภาษา เติมความลักชัวรีในทุกสัมผัสไปอีกขั้นด้วยการติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Exclusive NAPPA Leather 3 ก้านที่หรูหราและสะดวกสบายที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ พร้อมเบาะนั่งพิเศษ Active Multi-Contour ที่มีระบบนวดกว่า 10 โปรแกรม แบบ ENERGIZING massage function
ระบบปรับอุณหภูมิเบาะแบบ Climate seats ได้ทั้งแบบอุ่นและแบบเย็น ทั้งยังสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL พร้อม HEPA FILTER ผสานการทำงานร่วมกับ AIR BALANCE PACKAGE ในการมอบบรรยากาศที่สดชื่นรอบห้องโดยสาร
โดดเด่นด้วยฟีเจอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทั้งหน้าจอแบบ MBUX High-End Rear Seat Entertainment จำนวน 2 หน้าจอ ขนาด 11.6 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัสแบบ Multi-touch ที่ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์หรือ YouTube ได้อย่างง่ายดาย สามารถเล่นเสียงผ่านเครื่องเสียงภายในรถ หรือผ่านหูฟังแบบ Bluetooth Audio พร้อมรองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบ Mini HDMI
มาพร้อม MBUX rear tablet หน้าจอขนาด 7.4 นิ้ว แบบ HD-resolution Display สามารถสลับการใช้งานได้ระหว่าง MBUX และ Android โดยแท็บเล็ตจะเชื่อมต่อและควบคุมหน้าจอต่าง ๆ ภายในรถผ่านสัญญาณ Wi-Fi
สามารถควบคุมการเปิด-ปิดม่าน ระบบปรับอากาศ ระบบ climate seat และระบบนวดสำหรับที่นั่งตอนหลังได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการติดตั้งตู้เย็นบริเวณด้านหลังที่เท้าแขนของผู้โดยสารตอนหลัง ความจุ 10 ลิตร พร้อมปุ่มควบคุมอุณหภูมิ (+7°C ถึง +1°C) ออกแบบพิเศษสำหรับแช่แชมเปญได้ 2 ขวด พร้อมที่วางแก้วแชมเปญสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
นอกจากนี้ระบบความบันเทิงยังจัดมาแบบเต็มพิกัด สามารถเปลี่ยนห้องโดยสารให้เป็นคอนเสิร์ตของศิลปินคนโปรดได้ด้วยระบบเสียง Burmester® 4D surround sound system ด้วยลำโพงคุณภาพสูงกว่า 15 ตัว แบบ Premium Speakers ติดตั้ง Amplifier Channels ให้กำลังขับสูงสุด 790 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® และหูฟังไร้สายความละเอียดสูง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancellation ที่จะมอบประสบการณ์เสียงคุณภาพรอบทิศทาง
ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีที่ตอบโจทย์การใช้งานอันเหนือระดับมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) มอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกติดตั้งบริเวณเพลาขับหน้าและหลัง ให้กำลังสูงสุดถึง 658 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.4 วินาที ต่อเนื่องทุกการเดินทางด้วยแบตเตอรี่แบบ High-voltage ชนิด Lithium-ion ที่มีความจุมากถึง 118.0 kWh
พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ดีที่สุดอย่าง fully-variable 4MATIC+ all-wheel drive สามารถวิ่งได้ไกลถึง 615 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (WLTP) ให้ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถชาร์จด้วยความเร็ว 200 kW โดยใช้เครื่องชาร์จ DC แบบเร็วที่มีกำลังไฟ 110 kW สามารถชาร์จได้ 10–80% ภายใน 31 นาที และชาร์จช้า AC 10–100% มีกำลังไฟ 22 kW ภายใน 6.25 ชั่วโมง
พร้อมโหมดการขับขี่ Dynamic Select โหมดการขับขี่ Comfort, Sport, Eco และ Individual พร้อมระบบกันสะเทือนถุงลม AIRMATIC Air พร้อม Adaptive Damping System ปรับความสูงเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 3.5 เซนติดมตรทั้งยังมาพร้อม Rear axle steering 10° โดยที่ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้มากถึง 10° ช่วยให้การขับขี่คล่องตัวและเลี้ยวได้อย่างง่ายดายแม้ในพื้นที่แคบและมาพร้อมระบบความปลอดภัย Assistance Package อย่างครบครัน อาทิ
- รักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC)
- ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist)
- ช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist)
- ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
- ช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC)
- แสดงผลแบบ Transparent bonnet สําหรับการขับขี่แบบ OFF–ROAD
- สร้างเสียงจําลองสําหรับเตือนผู้ใช้ถนน (Acoustic presence indicator)
- ป้องกันก่อนเหตุ (PRE–SAFE® system)
- ป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE–SAFE® impulse)
- ป้องกันก่อนเกิดเหตุสําหรับด้านข้าง (PRE–SAFE® impulse side)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist)
พร้อมออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้งกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360° เตือนเข็มขัดนิรภัยบนหน้าจอสําหรับผู้โดยสารด้านหลัง ควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill–Start Assist ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light) เตือนแรงดันลมยาง TPMS (Tire pressure monitor system) อุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT ถุงลมนิรภัยรอบคัน 13 จุด และอึปกรณ์ปกป้องการโจรกรรมรถยนต์แบบ GUARD 360°
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV มีสี Non-Metallic Paints ให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Black) และสีขาว (Polar White) มีสี Metallic Paints ให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีดำ (Obsidian Black) สีน้ำตาล (Velvet Brown) สีน้ำเงิน (Sodalite Blue) สีเงิน (High-tech Silver) สีเขียว (Emerald Green) และสีเทา (Selenite Grey)
ส่วน MANUFAKTUR Paints Finish ทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) นอกจากนี้ ยังสามารถเลือก Optional Extra เป็นสีทูโทน อาทิ Selenite Grey/Obsidian Black, Nautic Blue/High-tech Silver, Obsidian Black/High-tech Silver, MANUFAKTUR Kalahari Gold Metallic/Obsidian Black และ Onyx Black/Satin Brown เป็นต้น ในราคาจำหน่ายเริ่มต้น 12,500,000 บาท