More

    ZEEKR 009 VS DENZA D9 2 อีวีสายหรูคู่ปรับ Alphard ค่าตัวไม่เกิน 3 ล้าน

    ความนิยมของรถอีวีล้วนทวีคูณมากขึ้นหลายค่ายส่งรุ่นใหม่บุกตลาดไทยต่อเนื่องครอบคลุมกลุ่มหลากหลายอย่างเช่นเอ็มพีวีหรูอย่าง ZEEKR 009 และ DENZA D9

    ZEEKR

    สำหรับกลุ่มรถเอ็มพีวีระดับหรูอัลตราพรีเมียมแต่เดิมจะมี Toyota Alphard Toyota VELLFIRE LEXUS LM ยึดหัวหาดกลุ่มนี้มานาน

    รวมถึง 2 แบรนด์โซนยุโรปทั้ง Mercedes-Benz และ Volkswagen ที่ให้เลือกขุมพลังอันหลากหลายทั้งสันดาปล้วนและฟูลไฮบริดแต่ด้วยการมาของค่ายรถยนต์จีนมาช่วงชิงเค้กกลุ่มนี้อย่างสนุกสนานมาตั้งแต่ปี 2023 เน้นขุมพลังอีวีล้วนที่ให้กำลังทัดเทียมรวมถึงความหรูหราไม่แพ้ใครและค่าตัวถูกกว่าเป็นแสน

    ครั้งนี้ Car2Day ประเดิม Face2Face ต้อนรับปีงูกับ 2 เอ็มพีวีหรูพลังอีวีแดนมังกร มือพิฆาต Alphard ที่จะตีตื้นในด้านยอดขายและความเชื่อมั่นนั่นคือ ZEEKR 009 และ DENZA D9

    ZEEKR 009

    ZEEKR 009ภายนอกหรูด้วยด้วยแถบโครเมียมที่ใต้กันชนหน้า คิ้วขอบประตูส่วนบนกับคิ้วชายล่างด้านข้างและด้านหลัง กระจังหน้าดีไซน์คล้ายกับ Rolls-Royce แนวตั้งโครเมียมและที่ช่องระบายอากาศแนวตั้ง ติดตั้งโลโก้ขอบฝากระโปรงหน้า ประดับด้วยไฟหน้าส่องสว่าง DRL แบบ LED แบบยูคว่ำ ที่มีหลอดไฟมากสุด 154 ดวง และไฟหน้า LED แนวนอน 3 ดวงทรงเลขเจ็ด ฝากระโปรงหน้าดีไซน์มีขอบสองข้างและเรียบเนียนในส่วนด้านหน้า

    ด้านข้างอลังการดับดีไซน์ทั้งรูปแบบเสา A จนถึงเสา D กระจกเล็กบริเวณเสา A ดีไซน์กระจกเสา B ที่เล่นระดับต่อเนื่องจนถึงเสา C กระจกมองข้างทรงสปูนทรงใหญ่ ประตูสไลด์ไฟฟ้าเปิดได้สองข้าง หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบคู่สองบานทั้งบานเล็กฝั่งคนขับตอนหน้าและบานใหญ่ฝั่งผู้โดยสาร เสาอากาศแบบครีบฉลาม จุดสังเกตจะไม่มีเซนเซอร์ LiDAR บนหลังคารถ

    ด้านท้ายเห็นไฟท้าย LED ที่มีหลอดไฟมากถึง 402 ดวง แนวยาวสองฝั่งติดตราตัวอักษร ZEEKR แบบเว้นช่องเรืองแสงในชุดฝาท้ายขนาดใหญ่พร้อมสปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยลายสปอร์ตปัดเงาขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/45R20

    คันนี้สร้างจากแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Platform) ของ GEELY พื้นฐานร่วมกันกับ Volvo EM90 โดยตัวรถมีมิติดังนี้

    • ความยาว 5,217 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 2,024 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,812 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 3,205 มิลลิเมตร
    • ความสูงจากใต้ท้องรถ 142 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,830 กิโลกรัม

    DENZA D9

    ทางด้าน DENZA D9 เทียบครั้งนี้เป็นรุ่นท็อปสุด Performance AWD ผลิตที่โรงงานเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ประเทศจีน มาพร้อมหน้าตาเน้นหรูหราด้วยชุดกระจังหน้าทรงทึบสีเงินแนวตั้ง 12 ซี่ คล้าย Alphard ปะตราโลโก้เด่น พร้อมขอบสีเงินล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime

    พร้อมชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า และ ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ติดตั้งออปชันเสริมความสบายด้วยประตูดูดไฟฟ้าทั้งในส่วนประตูคู่หน้าและประตูสไลด์สองฝั่ง

    พื้นฐานคันนี้จาก e-Platform 3.0 ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าที่เป็นเอกสิทธิ์ของ BYD มิติตัวรถมีดังนี้

    • ความยาว 5,250 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,920 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร
    • ความสูงจากใต้ท้องรถ 155 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,865 กิโลกรัม

    สำหรับภายนอกทั้ง 2 รุ่นเมื่อมาเทียบกันแล้วพบว่าทั้ง 2 รุ่นสูสีกันเริ่มที่ความยาว DENZA ยาวกว่า ZEEKR 33 มิลลิเมตร ความกว้าง ZEEKR กว้างกว่า 64 มิลลิเมตร ความสูง DENZA สูงกว่า 108 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ ZEEKR ยาวกว่า 95 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ DENZA สูงกว่า 13 มิลลิเมตร และน้ำหนักรถ DENZA หนักกว่า 35 กิโลกรัม

    ZEEKR

    ภายในเริ่มที่ ZEEKR 009 ขายไทยด้วยรุ่น 6 ที่นั่งแบบ 2+2+2 โดยเบาะนั่งตอนที่สองแบบ VIP lounge เบาะตอนที่ 2 อยู่ชิดกัน ทางด้านเบานั่งตอนที่ 3 ได้โดยมาในแบบ 2 ที่นั่ง มาพร้อมระบบระบายอากาศ มีโต๊ะพับสำหรับนั่งทำงาน ปรับด้วยไฟฟ้า 12 จุด พร้อมนวด มีพื้นที่บรรทุกของด้านท้ายเมื่อพับเบาะตอนที่ 3 มากถึง 2,963 ลิตร และไม่พับเบาะ 574 ลิตร หุ้มด้วยหนัง NAPPA

    มีสวิตช์ควบคุมบนแผงประตูแบบ Smart Bar ขนาด 3.4 นิ้ว พร้อมตู้เย็นขนาด 8.6 ลิตร สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -6°C ถึง 50°C หลังคากระจกพาโนรามาขนาดใหญ่แบบสองตอน พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า Dual Panoramic Glass Roof

    ZEEKR

    มาพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า AR-HUD ขนาด 35.95 นิ้ว มีที่ชาร์จมือถอไร้สาย เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอุณหภูมิสามโซนพร้อมไส้กรองเครื่องปรับอากาศทรงประสิทธิภาพสูงและระบบฟอกอากาศแบบแอคทีฟซึ่งสามารถขจัดฝุ่นละออง PM2.5 ได้มากถึง 95% ติดตั้งลำโพง YAMAHA 30 จุด รวมถึงลำโพงที่ติดตั้งไว้ในพนักพิงศีรษะของเบาะด้วยกำลังขับรวม 2,460W ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light

    พร้อมออปชันเสริมสบายทั้ง กระจกมองหลังดิจิทัล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า ตกแต่งที่นั่งให้ดูดีขึ้นกระจกกันเสียงรบกวนหนา 2 ชั้น ติดตั้งตรงที่นั่งแถว 3 คอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่าย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน ประกอบด้วยมาตรวัดความเร็วแบบสี LCD แนวนอน 10.25 นิ้ว

    พร้อมจอสัมผัสระบบความบันเทิงบนแผงคอนโซลหน้าขนาด 15.05 นิ้ว OLED ความชัดแบบ 2.5 K และจอบนหลังคารถขนาด 17 นิ้ว ชัดแบบ 3K High-Definition พร้อมระบบปฏิบัติการ ZEEKR OS แบบ Snapdragon รองรับเชื่อมต่อ 5G ประมวลผลเร็วด้วยชิป 2 ตัว Qualcomm 8295

    DENZA D9

    ทางด้าน DENZA D9 หรูหราสง่างามเทียบเท่าคู่แข่งตั้งแต่เบาะนั่งหนังแท้ 7 ที่นั่ง 2+2+3 แบบ NAPPA โดยเบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น ระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์

    โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ มีพื้นที่ด้านหลังขนของได้ 410-570 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ และถ้าพับเบาะ 2,310 ลิตร ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย

    DENZA D9

    แผงคอนโซลหน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเป็นแนวยาวประกอบด้วย จอสัมผัส 15.6 นิ้วรองรับ Apple Car Play และ Android Auto จอหลังเบาะคนขับคู่หน้า 2 จอขนา พร้อมลำโพง DYNAUDIO 14 จุด มีช่องเชื่อมต่อ USB ช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V มาตรวัด LCD 10.25 นิ้ว

    พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display ขนาด 12 นิ้ว มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน ambient light มากถึง 128 สี กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start และที่ชาร์จมือถือไร้สาย

    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันอัพเกรดในส่วนปุ่มการทำงานซ้าย-ขวาให้ไวขึ้นพร้อมระบบอุ่นที่พวงมาลัย จอสัมผัสยังเพิ่มฟังก์ชันความบันเทิงกับแอป Game Center เข้ามาด้วย ปรับในเรื่องระบบสั่งงานด้วยเสียง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมสีภายในใหม่แบบ Broad-minded Rice

    ZEEKR 009

    ด้านขุมพลังทั้ง 2 รุ่นเป็นไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ เริ่มที่ ZEEKR 009 จากสถาปัตยกรรมไฟฟ้าแบบ 400 โวลต์ ด้วยรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อให้กำลังรวม 603 แรงม้า แรงบิดรวม 693 นิวตันเมตร มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ Lithium Nickel ternary จาก CATL ขนาด 116 kWh ให้ระยะทางไกลสุด 686 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC (582 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP)

    สามารถชาร์จกระแสตรง DC ระดับ 10-80% รองรับกำลังการชาร์จ 150 kW ภายในเวลา 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC การชาร์จสูงสุด 6 kW โดยให้อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Comfort, Economy, Sports, Personalized, Snow และ One Pedal มาพร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ และโช้คถุงลม Air Suspension สามารถลดความสูงของตัวรถได้ พร้อมระบบ CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงสะเทือนที่จะเข้าสู่ในห้องโดยสาร ชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ในขณะชะลอตัว Braking Energy Regeneration และรองรับ V2L สามารถจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้

    DENZA D9

    ทางด้าน DENZA D9 Performance AWD เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อโดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที

    มีชาร์จ 2 รูปแบบทั้งชาร์จช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังไฟสูงสุด 166 kW ชาร์จเร็ว 10 นาที เพิ่มระยะทาง 150 กิโลเมตรรองรับ V2L

    มาพร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ โดยด้านหน้ามาในช่วงล่างแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังมาแบบมัลติลิงค์ พร้อม DiSus-C ช่วงล่างอัจฉริยะช่วยปรับระดับการกระแทกโดยระบบประมวลผลควบคุมด้วยโซลินอยด์วาลว์เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงความสบายในการเดินทางมากขึ้น

    ด้านความปลอดภัยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ ADAS เริ่มที่ ZEEKR 009 มาครับทั้ง

    • ช่วยควบคุมให้อยู่กลางเลน LCC (Lane Centering Control)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
    • แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า CMSF (Collision Mitigation Support Front)
    • แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหลัง CMSR (Collision Mitigation Support Rear)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
    • เตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
    • ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
    • อ่านป้ายจราจร TSI (Traffic Sign Recognition)
    • ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ เพื่อตรวจสอบอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่ DMS (Driver Monitoring System)
    • ช่วยจอดรถอัตโนมัติ APA (Automated Parking Assist)
    • Speeding Reminder (Warning Sound)
    • Capacitive Steering Wheel Hands-off Monitoring
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินเมือจอดรถ PEB (Parking Emergency Braking)
    • ช่วยเปลี่ยนเลนอตัโนมัติ ALC (Automatic Lane Change)

    พร้อมออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ IBA (Intelligent Brake Assist)

    ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist System) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ป้องกันการพลิกคว่ำ ARP (Anti-Rolling Protection) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ควบคุมการทรงตัว ESP (Electric Stability Program System)

    ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยางแบบดิจิทัล D-TPMS (Digital Tire Pressure Monitor System)สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)

    เสียงเตือนตรวจจับคนเดินถนนในความเร็วต่ำ LSPWS (low speed pedestrian warning sound) กล้องมองภาพรอบคัน 360 Camera กล้องบันทึกการขับขี่ Digital Video Record ถุงลมนิรภัยรอบคัน  เตือนการคาดเข็มขัดหน้าหลัง ล็อคกันเด็กแบบไฟฟ้า กระจกไฟฟ้ากันหนีบทั้ง 4 บาน ปลดล็อคประตูฉุกเฉิน และปลดล็อคเมื่อเกิดการชน และถุงลมนิรภัย 7 จุดรวมถุงลมนิรภัยคั่นระหว่างกลางเบาะนั่งคู่หน้า

    DENZA D9

    ทางด้าน DENZA D9 Performance AWD จัดเต็มด้วย ADAS ไม่แพ้ ZEEKR ทั้ง

    • ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
    • ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
    • ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
    • ช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTA)
    • ช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTB)
    • ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
    • ช่วยช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ (HBA)
    • ช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI)
    • ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
    • ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)
    • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
    • ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
    • ช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS)
    • ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
    • ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
    • จดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
    • ช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
    • ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)

    พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว ป้องกันล้อหมุนฟรี ESC ควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)

    เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)

    จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารวม 9 จุด กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติสัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา

    ZEEKR

    ด้านราคาจำหน่าย ZEEKR 009 มาในรุ่น Flagship AWD ในราคา 3,099,000 บาท มีสีภายนอกถึง 3 สี ได้แก่ สีขาว Crystal White (ภายในโทนสีดำ) สีน้ำเงิน Electric Blue (ภายในโทนสีดำ หรือ ภายในทูโทนสีน้ำเงิน/ขาว) สีดำ Phantom Black (ภายในโทนสีดำ หรือ ภายในทูโทนสีเทา/ขาว)

    ส่วน DENZA D9 Performance AWD มาในราคาเพียง 2,699,900 บาท มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Whale Sea Blue, สีดำ Quantum Black, สีขาว Arctic White และสีเทา Habour Grey ส่วนภายในห้องโดยสาร มีให้เลือก 2 สี สีเบจ Beige และ สีน้ำตาล Brown

    แม้ส่วนต่าง 2 คันนี้จะอยู่ที่ 399,100 บาท ด้วยความหรู 3 แถว ทีมีเอกลักษณ์เด่นในแต่ละรุ่นแต่ด้วยความเป็นรถมอเตอร์คู่ขับสี่ในเรื่องกำลังแรงหลังติดเบาะแรงกระชากวิญญาณด้วยกำลังที่มากถึง 603 แรงม้า แรงบิด 693 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.5 วินาที ความประณีตในการประกอบดูแล้วได้ ZEEKR 009 ได้เปรียบกว่า DENZA D9 อย่างเห็นแม้กระทั่งวิ่งไกล ZEEKR 009 วิ่งไกลกว่าถึง 686 กิโลเมตร (NEDC) และด้วยช่วงล่างถุงลมปรับเพิ่มลดความสูงตัวรถได้เน้นตึงๆนุ่มๆตามสภาพถนนและความเร็ว

    DENZA

    ส่วนทางด้าน DENZA D9 Performance AWD ด้วยค่าตัวถูกกว่าแม้จะเสียเปรียบในเรื่องกำลังที่น้อยกว่า ZEEKR แต่ด้วยความที่อยู่เมืองไทยมานานของ BYD ภายใต้ Rêver Automotive จึงคลายกังวลในเรื่องเครือข่ายการบริการหลังการขายที่มีเครือข่ายการจำหน่ายมากถึง 123 แห่ง และยังสามารถเข้าศูนย์ BYD ได้ในบางแห่งที่ยังไม่มีโชว์รูม DENZA จึงทำให้แฟนๆหันมาสนใจมากขึ้น ทั้งนี้รักใครชอบใครสามารถทดลองขับเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ทั้ง 2 ยี่ห้อกันเลยครับ

     

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts