รถ BYD ในตระกูล Dynasty เปิดตัวพร้อมกันถึง 2 รุ่นนั่นคือ BYD TANG L เอสยูวีรุ่นใหญ่เจนใหม่และเก๋งใหญ่เจนใหม่ BYD HAN L รวมอยู่ด้วย
BYD HAN L เก๋งซีดานรุ่นใหญ่เจนใหม่ออกแบบมาเพื่ออยู่ตำแหน่งสูงกว่า BYD HAN ที่เปิดตัวตอนปี 2020 และทั้ง 2 ขายควบคู่กัน
ภายนอกหรูด้วยธีมการออกแบบสไตล์ Loong Face ตั้งแต่ไฟหน้า LED ดีไซน์เพรียวบาง ไฟวิ่งกลางวัน DRL แบบ LED และไฟเลี้ยวยังคงอยู่ที่ด้านบนของชุดไฟหน้า ออกแบบกระจังหน้าโครเมียมคลาสสิกแบบ 3 มิติที่เรียกว่า Dragon Mustache พร้อมตราตระกูล ฮั้น ภาษาจีน ปะอยู่กระจังหน้า เพื่อสื่อว่าคันนี้มาจากตระกูล Dynasty พร้อมชุดกันชนหน้าดีไซน์ล้ำรูปตัววีพร้อมช่องระบายอากาศสีดำ
ด้านข้างเท่ด้วยคิ้วสีเงินสีดำแนวยาวพร้อมคำว่า BYD Design กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูนพร้อมกระจกโอเปร่าสไตล์ยุโรป ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวรถพร้อมติดตั้งระบบ LiDAR บนหลังคา และหลังคาซันรูฟ ด้านท้ายหรูด้วยไฟท้าย LED แนวยาวแบบ Phoenix Wings ซึ่งมีรูปร่างเหมือนปีกนกฟีนิกซ์ พร้อมตรา BYD อยู่ใต้ไฟท้าย รับกับกันชนหลังเสริมลิ้นกันชนหลังสีดำและสีเงินเข้มและล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 19 นิ้วพร้อมยาง 235/45R19 พร้อมดิสก์เบรกคาลิเปอร์ สีแดง
ตัวรถออกแบบโดย Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ BYD มิติตัวรถใกล้เคียงกับ Toyota Camry Hyundai Sonata BMW 3 Series Mercedes-Benz C-Class Honda Accord รวมถึงเพื่อร่วมค่ายอย่าง BYD SEAL 07 DM-i ตั้งแต่
- ความยาว 5,050 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,505 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,970 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,283 กิโลกรัม
ภายในถึงดีไซน์ตามสไตล์ BYD ตั้งแต่ เบาะนั่งทรงสปอร์ต หุ้มหนังอย่างประณีต มีช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมระบบความจำสำหรับเบาะคนขับ มีระบายอากาศ เป่าเบาะเย็น อุ่นเบาะและนวดเบาะได้ เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 กระจกประตู 4 บานแบบ 2 ชั้นอย่างหนาเพื่อเพิ่มความรู้สึกเงียบสงบ และยังมีตู้เย็นขนาดเล็ก
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด มองลอดพวงมาลัยเป็นจอ Driver Display แสดงผลในรูปแบบดิจิตอล LCD ให้เลือกทั้งแบบ 8.8 กับ 10.25 นิ้ว ถัดไปอีกเล็กน้อยคือ Head-up Display แสดงข้อมูลที่จำเป็นโดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเบื้องหน้าส่วนจอแสดงผล ระบบ Infotainment ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 12.8 หรือ 15.6 นิ้ว ปรับหมุนได้ด้วยระบบไฟฟ้า
เชื่อมต่อ Apple Car Play, Android Auto รองรับ 5G มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ DiLink พร้อมลำโพง 8 จุด และลำโพงคุณภาพ DYNAUDIO ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50W หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด ระบบการเข้ารถและสตาร์ทแบบ Keyless ทำงานร่วมกับกุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC
ขุมพลังมีให้เลือก 2 แบบเริ่มที่รุ่น Plug In Hybrid หรือ DM-i และ DM-p ด้วยเบนซินเทอร์โบ BYD472ZQB ขนาด 1.5 ลิตร 156 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD ให้ความจุแบต 17.6 kWh มอเตอร์ไฟฟ้ารุ่น TZ210XYD 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และรุ่น DM-p เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้ามาอีกชุดให้กำลัง 272 แรงม้า
ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.9 วินาที วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 145 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 140 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และวิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 170 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 164 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และประหยัดมากขึ้น
วิ่งไกลรวมทั้งระบบได้ถึง 2,000 กิโลเมตร (CLTC) หรือ1,929 กิโลเมตร (NEDC) สามารถชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 38 kW ภายใน 21 นาที ยกเว้นรุ่นเริ่มต้น และกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 6.6 kW พร้อมโหมดการขับขี่ EV/HEV/SPORT/ECO/NORMAL
พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว TZ210XYR ขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 680 แรงม้า ส่วนบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมอเตอร์หน้า YS230XYD ให้กำลัง 313 แรงม้า สำหรับมอเตอร์ล้อหน้า และมอเตอร์หลัง TZ210XYW ให้กำลัง 789 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวมสูงถึง 1,102 แรงม้า พัฒนาโดย BYD ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 2.7 วินาที ชารจ์เร็ว DC ภายใน 10 นาที 16-80%
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมมีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ นุ่มนวลถึงใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อและระบบการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)
ติดตั้งระบบ God’s Eye หรือ LiDAR (Light Detection and Ranging System) บนหลังครถซึ่งเป็นระบบตรวจจับแสงและวัดระยะวัตถุทำงานโดยการส่งแสงเลเซอร์ไปกระทบวัตถุหรือพื้นผิวต่างๆเพื่อคำนวนระยะที่แม่นยำโดย LiDAR สามารถตรวจจับคนเดินเท้าที่ในระยะไกลสำหรับผู้ขับขี่ผสานกับระบบความปลอดภัยในตัวรถเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การทำงานของฟังก์ชั่นช่วยเหลือเพื่อการขับขี่อย่างแม่นยำ
เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงรองรับฟังก์ชันช่วยเหลือการนำทางในเมืองความเร็วสูงเช่นสัญญาณไฟจราจร ระบบตรวจจับเส้นเลนถนนที่ผิดปกติ ระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวาง และเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเซนเซอร์ทั้งหมด 32 ตัวทั่วทั้งรถและช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ เบื่องต้น BYD HAN L จะตั้งราคาราวๆ 300,000 YUAN หรือราว 1,409,000 บาท พร้อมขายจีน มีนาคมนี้
ที่มา AUTOHOME