หลังจากเปิดตัว IONIQ 5 N Line ไปไม่นานล่าสุด Hyundai เตรียมขยายไลน์อัป N Line เติมเต็มดีเอ็นเอสปอร์ตทั้งในรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่
โดยมีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดตัว Hyundai KONA N-Line ดัดแปลงจากรุ่น KONA ปกติแต่งโหดแต่งเข้ม
ด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่เสริมคิ้วเสริมกันชนหน้าสีดำ สเกิร์ตใต้กันชนหน้าแนวยาวสีดำออกแบบพิเศษ ตราสัญลักษณ์ N-Line ติดที่บังโคลนซ้าย-ขวา บริเวณคิ้วเสริมกันชนหน้าสีดำ ชุดกระจกมองข้าง ราวหลังคา เสา A โค้งมนไปจนถึงเสา D เสาอากาศครีบฉลาม พร้อมสปอยเลอร์หลัง ล้วนตกแต่งเป็นสีดำเงา กันชนหลังออกแบบใหม่มีลิ้นสปอยเลอร์หลังติดตั้งมาให้อย่างกลมกลืน ออปชันเสริมเพิ่มเงินกับหลังคารถสีดำเงา ล้ออัลลอยทูโทนห้าก้านคู่ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/45R19
ชุดแถบไฟ LED คาดยาวใต้ฝากระโปรงหน้ายาวไปถึงแก้มกันชนหน้าทั้งสองข้าง ถัดลงมาจะเป็นชุดไฟหน้า LED แนวตั้ง ด้านท้ายที่เป็นไฟท้าย LED แนวยาวที่เป็นไฟเบรกไปถึงแก้มด้านท้ายสองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวและไฟถอย LED แนวตั้งคล้ายด้านหน้า พร้อมฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Smart Power Tailgate
ภายในเสริมความแรงสไตล์ N-Line ด้วยเบาะนั่ง 5 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์สปอร์ตปรับไฟฟ้าติดตั้งอุ่นเบาะและระบายอากาศ เบาะหลังที่ปรับพับได้เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกของและโครงสร้างเบาะหลังโอบกระชับมากขึ้นและแผ่นรองนั่งที่ขนาดพอดี
เบาะหลังพับได้เพิ่มพื้นที่การขนของถึง 1,241 ลิตร (ไม่พับเบาะ 407 ลิตร) ทั้งหมดหุ้มด้วยวัสดุให้เลือกทั้งผ้าสีดำหรือหนังสีดำกับหนังกลับ Alcantara และหนังกลับ Alcantara ชนิดพิเศษสามารถรีไซเคิลถึง 57% พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านหุ้มหนังดำเดินด้ายติดตราวงกลมสี่จุด และตรา N แผงหลังคาขึ้นรูปแบบกำมะหยี่สีดำทั้งแผง และชุดแป้นเบรกคันเร่งและที่พักเท้าสีเงินโลหะลายพิเศษ
ชุดหน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลกับจอสัมผัสระบบความบันเทิง พร้อมลำโพง Bose 8 จุด ถัดลงมาเป็นช่องแอร์แนวยาวสองช่อง ไฟสร้างบรรยากาศ ambient light 64 สี คันเกียร์ทันสมัยแบบ Shift-by-Wire จอแสดงข้อมูลการขับขี่ Head Up Display และที่ขาร์จมือถือไร้สาย
ขุมพลังมีหลากหลายทั้งเบนซิน 2.0 ลิตร Smartstream G MPi 149 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 179 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 สปีด กับเบนซินเทอร์โบ Smartstream G T-GDi 1.6 ลิตร 198 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ 8 สปีด เลือกได้ทั้งขับเคลื่อนสองล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
ทางด้าน Hybrid ลูกผสมมีเบนซิน GDI 1.6 ลิตร 105 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 144 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent-magnet synchronous motor (PMSM) 44 แรงม้า แรงบิด 170 นิวตันเมตร และชุดแบตเตอรี่ 1.56 kWh lithium-ion polymer
เมื่อทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 141 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 6 สปีด DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า
รวมถึงอีวีล้วนมาแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ามีความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 64.8 kWh ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 444 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 522 กิโลเมตร (NEDC) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Reduction Gear มีระบบ One Pedal
ที่ใช้คันเร่งและเบรกที่แป้นเดียว และ Vehicle-to-Load (V2L) สามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆได้จากรถคันเดียว และระบบป้องกันการชาร์จค้างที่ทำงานที่อุณหภูมิต่ำถึง -30°C (-22°F) พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ที่พัฒนาขึ้นใหม่
ความปลอดภัยครบครันสไตล์ Hyundai Smart Sense อาทิ ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก Forward Collision-Avoidance Assist Junction Turning Function (FCA-JT) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist (LKA) ควบคุมรถให้อยู่กลางเลน Lane Following Assist (LFA)
ช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา Blind-Spot Collision-Avoidance Assist (BCA) กล้องมองรอบทิศทาง Surround View Monitor กล้องมองภาพจุดอับสายตา Blind-Spot View Monitor (BVM) เตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-traffic Collision Avoidance Assist (RCCA) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Smart Cruise Control Stop & Go (SCC)
ขับขี่อัตโนมัติสำหรับทางหลวง Highway Driving Assist ช่วยจอดโดยใช้รีโมตจากสมาร์ตคีย์ Remote Smart Parking Assist ป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Warning (SEW) ช่วยเตือนอาการเมื่อยล้า Driver Attention Warning (DAW) แจ้งเตือนให้เช็กผู้โดยสารด้านหลัง Rear Occupant Alert (ROA) และปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)
Hyundai Kona N-Line มาทั้งรุ่น N-Line และ N-Line Premium ลุ้นกันว่าจะเป็นรุ่นใหม่เปิดตัวไทยที่งาน Bangkok Motor Show 2025 และมาด้วยขุมพลังสันดาป หรือ ไฟฟ้าล้วนต้องติดตาม