หลังจากไมเนอร์เชนจ์หน 3 เมื่อเกือบ 2 ปี Mazda 2 เจนที่ 4 ครั้งนี้กลับมาสร้างความเร้าใจอีกครั้งกับรุ่นปรับปรุงใหม่ในชื่อ Mazda 2 Essential
Mazda 2 Essential มาในร่างเจเนอเรชันที่ 4 ทั้งรุ่นซีดานและแฮทช์แบ็กที่งานนี้มีการตัดออปชันบางรายการปรับรุ่นย่อยใหม่เพื่อทำราคาเร้าใจ ถูกใจสาวก
หล่อทั้งคันโดยมากันทั้งสองแบบตั้งแต่แบบ Sport Design ในชื่อรุ่นย่อยใหม่ SIGNAUTE ทั้งเบนซิน (รุ่น SP เดิม) และดีเซล XDL ส่งผ่านความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวได้อย่างชัดเจน ด้วยกันชนหน้า พร้อมกระจังหน้าแบบ Mesh Grille ยกระดับความสปอร์ตด้วยกระจกมองข้างสีดำ
หลังคาสีดำในรุ่น XDL SIGNAUTE ด้วยการเลือกใช้ฟิล์มหลังคาที่ผลิตจากวัสดุไวนิลที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิต เมื่อเทียบกับการเคลือบสีแบบทูโทน ที่เข้ากับความสปอร์ตของกระจังหน้าได้อย่างลงตัวและมาพร้อมกับล้อทูดทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R16 ในรุ่น XDL SIGNAUTE และขนาดสีเทาเข้ม 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15 ในรุ่น SIGNAUTE
ยกระดับความสปอร์ตหรูขึ้นไปอีกขั้น ในขณะที่ภายในมอบความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยเบาะหนังสีดำสลับกับผ้า Grand Luxe Suede® แบบสปอร์ตดีไซน์ใหม่ ให้ความประณีตด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมเพิ่มความสปอร์ตให้กับดีไซน์ภายในด้วยการตกแต่งสีแดงที่กรอบช่องแอร์ และเบาะนั่งเดินตะเข็บสีแดง เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหารถสปอร์ตที่ทั้งขับสนุกและมีเอกลักษณ์ในตัวเองอย่างชัดเจน พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านและหัวเกียร์หุ้มหนัง
ส่วนแบบ New Wave Design ในรุ่นย่อยใหม่รุ่น PRIME (แทนรุ่นเดิม C) และรุ่น ULTRA (แทนรุ่นเดิม S, XD) ให้ภาพลักษณ์สดใสมีชีวิตชีวา มีความโดดเด่นด้านการออกแบบด้วยกันชนหน้า กระจังหน้า และล้ออัลลอยและกระทะล้อลายเก่าขนาด 15 นิ้ว
พร้อมมอบความพิเศษในรุ่น ULTRA ด้วยการใช้แผงคอนโซลด้านในหลากสี ไม่ว่าจะเป็น สี Pure While สี Mirror Black และ สี Gross Light Blue ที่ถูกจับคู่กับสีภายนอกและดีไซน์ของล้อที่แตกต่างหลากหลายได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเลือกใช้ Bioplastic เป็นส่วนประกอบในการผลิตคอนโซล ที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและได้วัสดุที่มีคุณภาพสูง
พร้อมออปชันเดิมทั้งไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ปรับระดับแบบอัตโนมัติ (Auto Leveling System) พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Signature DRL กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ปลายท่อไอเสียโครเมียม พร้อมไฟท้าย LED
เบาะนั่งคนขับปรับสูง-ต่ำได้ 6 ทิศทาง เบาะนั่งหลังสามารถแยกปรับและพับแบบ 60:40 ระบบความบันเทิง Mazda Connect รองรับ Apple Carplay และ Android Auto บนจอสัมผัส 7 นิ้ว ช่องใส่ SD Card พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Active Driving Display ในรุ่น SIGNATURE
หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน พร้อม Paddle Shift กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) พร้อม Push Start และระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
โดยรุ่น PRIME (แทนรุ่นเดิม C) สำหรับติดตั้งจอพร้อมระบบนำทาง ตัดออปชันทั้งไฟ DRL แบบ LED พร้อมไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ตัดกระจกมองข้างพับด้วยระบบไฟฟ้า ตัดที่ปัดน้ำฝนปัดอัตโนมัติ Rain Sensor เป็นแบบธรรมดาแบบปัดหน่วงเวลา
ใช้เบาะผ้าสีดำแทนเบาะกึ่งหนังแท้สีดำสลับผ้าสีเทา เปลี่ยนคอนโซลหน้าแบบ Bioplastic มาเป็นแบบธรรมดาสีดำ เครื่องปรับอากาศแบบหมุนแทนแบบอัตโนมัติ ตัวถังซีดานตัดเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 ไม่มีหน้าจอ 7 นิ้วกลับมาใช้วิทยุ 1-DIN ลำโพงจาก 6 เหลือ 4 จุด
รุ่น ULTRA (แทนรุ่นเดิม S, XD) ตัดไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ตัดที่ปัดน้ำฝนปัดอัตโนมัติ Rain Sensor เป็นแบบธรรมดาแบบปัดหน่วงเวลา ตัดเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมระบบความจำ 2 ตำแหน่ง ตัดพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านตัด MRCC Cruise Control และหัวเกียร์หุ้มหนังมาเป็นวัสดุยูรีเทน ตัดที่ชาร์จมือถือไร้สาย
รุ่น SIGNAUTE ทั้งเบนซิน (รุ่น SP เดิม) และดีเซล XDL ตัดเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมระบบความจำ 2 ตำแหน่ง ตัดที่ชาร์จมือถือไร้สาย กับมิติตัวรถคงเดิมด้งนี้
- ความยาว 4,388 มิลลิเมตรในรุ่น Sedan และ 4,088 มิลลิเมตรในรุ่น Sports
- ความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,470 มิลลิเมตรในรุ่น Sedan และ 1,495 มิลลิเมตรในรุ่น Sports
- ระยะฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้นความสูง 140 มิลลิเมตรในรุ่น Sedan และ 143 มิลลิเมตรในรุ่น Sports
- ความจุถังน้ำมัน 35 ลิตรในรุ่น SKYACTIVE-G และ 44 ลิตรในรุ่น SKYACTIVE-D
สองขุมพลังเดิมทั้งดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D รหัส S5-DPTS 1.5 ลิตร 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที กับเบนซิน SKYACTIV-G รหัส P3 1.3 ลิตร 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ทั้งสองมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE พร้อมแมนนวลโหมด ACTIVEMATIC และ Paddle Shift ในรุ่น SIGNATURE ติดตั้งระบบ i stop (idling stop system) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันอัจฉริยะ i ELOOP เปลี่ยนรูปพลังงานที่สูญเสียจากการชะลอหยุดรถกลับมาใช้
มีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อ ส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่น ความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ครบครันทั้ง
- ช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) เฉพาะรุ่น ULTRA และ SIGNATURE
- กล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์กะระยะการจอดด้านหลัง 4 จุด เฉพาะรุ่น ULTRA และ SIGNATURE (จากเดิมเป็นกล้องแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor) พร้อมเซนเซอร์กะระยะการจอดด้านหน้า 4 จุดและหลัง 4 จุด รวม 8 จุด)
รุ่น SIGNATURE ได้ครบทั้ง เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HBC) เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support) เตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ และดิสก์เบรก 4 ล้อในรุ่น XDL SIGNATURE
พร้อมออปชันความปลอดภัยดั้งเดิมทั้ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ป้องกันล้อล็อกแยกอิสระ 4 ล้อ 4W-ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA
ควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) สัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
Mazda 2 Essential มีสีภายนอกรถชุดเดิม 8 สีทั้ง สีฟ้า Airstream Blue Metallic, สีเทาเข้มแอโร เกรย์ Aero Grey Metallic, สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา โพลีทัล เกรย์ (Polymetal Gray), สีบรอนซ์ Platinum Quartz, สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray) และสีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black) มาครบทั้งสองแบบทั้งซีดานและแฮทช์แบ็ก Sports โดยมีราคาจำหน่ายเดียวกันทั้ง 2 ตัวถังดังนี้
- รุ่น PRIME/PRIME Sports ราคาจำหน่าย 529,000 บาท (ลดลงจากรุ่น C/C Sports 70,000 บาท)
- รุ่น ULTRA/ULTRA Sports ราคาจำหน่าย 589,000 บาท (ลดลงจากรุ่น S/S Sports 91,000 บาท)
- รุ่น SIGNATURE/SIGNATURE Sports ราคาจำหน่าย 659,000 บาท (ลดลงจากรุ่น SP/SP Sports 71,000 บาท)
- รุ่น SIGNATURE XDL/SIGNATURE XDL Sports ราคาจำหน่าย 749,000 บาท (ลดลงจากรุ่น XDL/XDL Sports 81,000 บาทหรือเพิ่มขึ้นจากรุ่น XD/XD Sports 29,000 บาท)
หมายเหตุ:
- สีขาว Snowflake White Pearl เพิ่ม 7,000 บาท
- สีเทา Machine Gray เพิ่ม 10,000 บาท
- สีแดง Soul Red Crystal เพิ่ม 12,000 บาท