น้องหิ่งห้อยหัวใจอีวี FIREFLY ในเครือ NIO กำลังเตรียมตัวโกอินเตอร์ออกสู่ตลาดโลกโดยมีแผนจะจำหน่ายใน 16 ประเทศ 5 ทวีปภายในปี 2025 รวมถึงไทย
ล่าสุดมีคนพบเห็น FIREFLY ติดป้าย QC จอดอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เพียงแต่ปิดตราโลโก้ ซึ่งบ่งบอกถึงความพร้อมในการทำตลาดในอนาคตอันใกล้
ดีไซน์ภายนอก
FIREFLY มาในดีไซน์รถทรงกล่อง 5 ประตูแฮทช์แบ็กที่ออกแบบโดยทีมงานชาวยุโรปในเมืองมิวนิก เยอรมนี นำโดย Kris Tomasson อดีตพนักงาน BMW ทำให้รถมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์
- ไฟหน้า LED วงกลมสามดวง พร้อมกระจังหน้าสีดำ
- ฝากระโปรงหน้าสั้น และเสา C กว้างที่เปลี่ยนเป็นหลังคาได้อย่างลงตัว
- กระจกมองข้างทรงสปูน และที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถัง
- ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถัง
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/50 R18
- มีหลังคารถสีดำเป็นออปชันเสริม
- ฝาท้ายไฟฟ้า
มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีม่วง Lavender, สีเขียวมะนาว Lime, สีครีมเบจ Marble, สีเทาเข้ม Graphite และ สีเทา Sand
ภายในกว้างขวาง
- ความจุสัมภาระด้านท้าย สูงสุด 1,253 ลิตรเมื่อพับเบาะหลัง และ 335 ลิตรเมื่อไม่พับเบาะหลัง 5 ที่นั่ง ที่นั่งสบาย
- มีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติม 29 ลิตรใต้เบาะหลังขวา และช่องวางของมากถึง 27 จุด
- คอนโซลหน้าเป็นจอลอย 2 จอ ประกอบด้วย จอมาตรวัดความเร็วสีแบบ LCD ขนาด 6 นิ้ว จอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ 13.2 นิ้ว
- ลำโพง 14 จุด ระบบเสียง Dolby 7.1
- น้ำหอมปรับอากาศในรถ
- ไฟสร้างบรรยากาศภายใน 256 สี (Ambient Light)
- ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50W
สำหรับรุ่นท็อปสุดมีออปชันเสริมเพื่อความสบายยิ่งขึ้น เช่น เบาะนั่งด้านหน้าอุ่น-เย็น และนวดได้, เบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านคนขับปรับ 6 ทิศทาง และมีหน่วยความจำเบาะนั่งฝั่งคนขับ พร้อมโทนสี 4 สี ได้แก่ สีเบจ Travertine, สีชาเขียว Pine, สีน้ำตาล Plum และ สีเทาเข้ม Obsidian วัสดุหุ้มเบาะทำจากผ้า และหนังสังเคราะห์ไมโครไฟเบอร์
สมรรถนะ
เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 42.1 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 420 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 405 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 344 กิโลเมตร (WLTP) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.2 วินาที
ชาร์จได้ทั้ง AC และ DC โดยเมื่อชาร์จถึง 75% สามารถวิ่งได้ไกลถึง 330 กิโลเมตร โดยชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP ผลิตโดย SUNWODA โดยจะมีบริการเสับเปลี่ยนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมผ่านการสมัคร Battery as a Service (BaaS)
พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อประกอบด้วยช่วงล่างอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัทส่วนช่วงล่างหลังแบบ 5 Link จาก MULTIMATIC ที่เพลาหลัง กระจายน้ำหนักอย่างสมดุลในอัตราส่วนเท่ากัน 50:50 และระบบเบรกจากทาง Bosch กับ Integrated Brake System (IPB) ที่ให้การเบรกที่เต็มประสิทธิภาพสูงและนุ่มนวลรัศมีวงเลี้ยวอยู่ที่ 4.7 เมตร ซึ่งเหมาะสำหรับถนนแคบๆ
ด้านความปลอดภัยยังมีถุงลมนิรภัย 9 จุดรอบคัน ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS 15 รายการเช่น จอดรถอัตโนมัติพร้อมโครงสร้างตัวถังทำจากเหล็กกล้าแรงดึงสูง 83.4% ส่งผลให้มีความแข็งแรงต่อแรงบิดสูงถึง 35,700 นิวตันเมตรต่อองศา ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตามข้อมูลของ NIO โดยได้ความปลอดภัยระดับ 5 ดาวตามมาตรฐาน C-NCAP 2024
FIREFLY คือชื่อแบรนด์และชื่อรุ่นคันแรกของค่ายวางตำแหน่งเป็นแบรนด์ลูกเน้นราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นของค่าย NIO ตั้งใจท้าชนกับน้องโลมา BYD Dolphin ZEEKR X LYNK & CO 02 รวมถึงคู่แข่งต่างชาติอย่าง Volkswagen ID.3, MINI และ Smart #1 มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีม่วง Lavender สีเขียวมะนาว Lime สีครีมเบจ Marble สีเทาเข้ม Graphite และสีเทา Sand เตรียมขายไทยภายในปีนี้และน่าจับตาดูว่าใครจะเป็นผู้คว้าสิทธิ์ในการเป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราต้องติดตาม
ที่มาภาพ เพจ NIO Club Thailand
