More

    JAECOO 5 EV หล่ออย่างเรนจ์โรเวอร์ ช่วงล่างหนึบ ค่าตัวคุ้มเกินคาด

    นับเป็นความพยายามครั้งใหม่ของค่าย OMODA&JAECOO กับการแนะนำ JAECOO 5 EV รถใหม่ลำดับที่ 4 ของค่าย หลังทำตลาดในไทยมาครบ 1 ปี

    JAECOO

    วันนี้ (19 สิงหาคม) เป็นวันเปิดตัวและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ JAECOO 5 EV โดยทาง OMODA&JAECOO ได้ส่งรุ่นใหม่นี้มาให้ทาง Car2Day ทดสอบโดยเป็นรุ่นท็อปสุด Long Range MAX

    Design & Exterior

    แน่นอนว่า JAECOO5 น้องใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ตลาดเอสยูวีชนเต็มๆกับคู่แข่งจากญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรปแม้มาในทรงกล่องแต่ภาพรวมการออกแบบคล้ายกับ RANGE ROVER EVOQUE เริ่มที่ตรา JAECOO ในชุดกระจังหน้าพร้อมกรอบใสๆครอบทับ ไฟหน้า LED รับกับกันชนหน้าดีไซน์เหลี่ยม

    ด้านข้างมาพร้อมราวหลังคาบิ๊วอิน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ fixed glass roof กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว LED รูปตัว C ปรับพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า ที่เปิดประตูดึงก้าน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยางจากค่าย GITI รุ่น GITI Control P10 ขนาด 235/55R18  ไฟท้าย LED แนวยาวมีสปอยเลอร์หลังบนชุดฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมกันชนหลังทรงเท่

    JAECOO

    Dimension

    สร้างจากแพลตฟอร์ม T1X โดยตัวรถมีมิติตัวถังที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งเดียวกันทั้ง B-SUV และ C-SUV ดังนี้

    • ความยาว 4,380 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,650 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร
    • ระยะความสูงใต้ท้องรถ 174 มิลลิเมตร
    • พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 35 ลิตร

    JAECOO

    Interior & Convenience

    JAECOO 5 EV รุ่น Long Range MAX นำเสนอห้องโดยสารเน้นความโมเดิร์นและเทคโนโลยีล้ำสมัย โฉบเฉี่ยว แม้ได้มรดกการดีไซน์มาจาก RANGE ROVER EVOQUE ทั้งคอนโซลกลางที่ยกสูงและพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์เก๋ จุดขายสำคัญคือหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 13.2 นิ้วควบคุมฟังก์ชันส่วนใหญ่ของรถ พร้อมระบบเสียง 8 ลำโพง มีหน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบขนาด 10.25 นิ้ว ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรถยนต์แห่งอนาคต

    มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) 64 สี กระจายความสว่างให้รู้สึกอบอุ่น เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา และที่ชาร์จไร้สายกำลัง 50 W

    JAECOOเบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์คู่หน้าปรับไฟฟ้า โดยฝั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทางและคนนั่ง 4 ทิศทางพิเศษเพิ่มความสบายด้วยเบาะนั่งฝั่งคนขับและผู้โดยสารมีระบบอุ่นเบาะและเบาะเย็นให้เป็นออปชันมาตรฐาน พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันโดยสามารถพับได้ในส่วนของเบาะหลัง 60:40 มีพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,284 ลิตร และ 480 ลิตรในตอนไม่พับเบาะ และโทนสีภายในมี 2 สีทั้งสีเทาอ่อนคู่กับสีภายนอกรถสีดำและสีเทานม ส่วนภายในสีดำคู่กับสีภายนอกรถ ขาว/ดำ/เขียวอ่อน/น้ำเงินเข้ม

    JAECOOPerformance

    รุ่นที่ขายในไทยเป็นขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent magnet synchronous reluctance motor ให้กำลัง 211 แรงม้า แรงบิด 288 นิวตันเมตรพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 60.9 kWh วิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 461 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีชาร์จ 2 แบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 27 นาทีด้วยกำลังชาร์จ 80 kW ชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ภายใน 7 ชั่วโมง พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง ECO Normal และ Sport

    Handling & Ride

    ตัวรถคันนี้จัดอยู่ในกลุ่ม B-SUV เน้นความคล่องตัวแม้จะไม่ได้ดูสปอร์ตเท่าเพื่อนร่วมค่ายอย่าง OMODA C5 EV เน้นหลังคาสูงนิดหน่อยแต่ลู่ลม ด้วยกำลัง 211 แรงม้า แรงบิด 288 นิวตันเมตรแม้ดูมันจะน้อยนิดแต่ให้ความเร้าใจ เร่งแซงดีแบบไม่หวือหวา ไม่หลังติดเบาะเหมือนรถอีวีสมรรถนะสูง พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามใจชอบโดยตลอดการขับนั้นเลือก ECO กับ Normal เป็นส่วนใหญ่ ระหว่างขับขี่แบตเตอรี่ลดลง​ 1% ขับได้ 3-5 กิโลเมตร ด้านความเร็วสูงสุดตามโรงงานเคลมไว้ที่ 175กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่สามารถเหยียบเส้นตรงยาวๆได้ถึง 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอาจโอเวอร์จากตัวเลขที่เคลมไว้ แต่ทำได้จริงทั้งนี้อย่าลอกเลียนแบบเป็นอันขาด อัตราเร่งที่โรงงานเคลมไว้ได้ 7.7 วินาที เอาเข้าจริงทาง Car2Day กลับทำได้ 8.2 วินาที

    ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ โดยด้านหน้าเป็นอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังเป็นอิสระมัลติลิงก์ ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักทั้งตัวแบตและน้ำหนักผู้โดยสารกลับให้ความนุ่มนวลออกไปทางเด้ง แต่ความดีมีตรงที่ช่วงจังหวะรีบวาด์ยุบตัวของช่วงล่าง เวลาอยู่บนรอยต่อสะพานหรือรอยต่อพื้นถนน ให้ความหนึบแบบม้วนเดียวจบไม่มีต่อนี่คือจุดเด่นที่สร้างตัวตนคันนี้ขึ้นมาให้รู้จัก

    พวงมาลัยไฟฟ้า EPS (Electronic power steering) ให้วงเลี้ยวแคบคล่องตัวน้ำหนักพวงมาลัยดีไม่หนักเกินไปไม่เบาเกินไปเรียกว่าขับได้ทุกเพศทุกวัยและยังปรับน้ำหนักได้ 3 รูปแบบ  แป้นเบรกทำงานกดไป 15-20% ให้ความรู้สึกกระชับไม่หน้าทิ่ม เบรกทันใจอย่างทันท่วงที ระบบชาร์จกลับในตัว ​(Regenerative Braking)  3 ระดับ ให้น้ำหนักการหน่วง Regen นุ่มแบบไม่รู้สึกตัวว่ารถกำลังหน่วงอยู่ตอนใกล้แยกไฟแดงโดยใช้ระดับ 1 หรือ 2 ตลอดการขับขี่

    JAECOO

    ด้านการกินไฟเน้นการขับขี่ในเมืองด้วยระยะทางรวม 170 กิโลเมตร ชาร์จกลับทั้งหมด 37.800 kWh กินไฟ 22.27 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 4.49 กิโลเมตรต่อ kWh จ่ายค่าชาร์จไป 298.62 บาท (อ้างอิงราคาชาร์จ DC 1kWh = 7.90 (On-Peak) บาท/kWh จากค่าย PTT กำลังชาร์จ 120 kW) ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1.75 บาทต่อกิโลเมตร โดยถ้าชาร์จเต็ม 100% จะวิ่งได้ไกลเกินข้อมูลที่โรงงานเคลมไว้ถึง 483 กิโลเมตร (NEDC)

    JAECOO

    Safety

    มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ทำงานร่วมกับเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และระบบเรดาร์คลื่นมิลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ แม่นยำเต็มรูปแบบมากถึง 19 ระบบ และอาจให้มากกว่าในรถระดับเดียวกัน เช่น

    • ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control)
    • เตือนการชนด้านหน้า FCW (Front Forward Collision Warning)
    • เตือนการออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System)
    • ช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
    • รักษารถให้อยู่กลางเลน ICA (Integrated Cruise Assist)
    • ตรวจสอบจุดอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
    • เตือนเมื่อเปิดประตู DOW (Door opening safety reminder)
    • ช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน LCA  (Lane Change Assist)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ELK (Emergency Lane Keeping)
    • ช่วยเบรกขณะถอยหลัง RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
    • เตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Collision Alert)
    • เตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
    • ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง LKA (Lane Keeping Assist)
    • ป้องกันการออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ IES (Intelligent Emergency Braking System)
    • แจ้งเตือนการออกตัว DAI (Departure Alert)
    • จำกัดความเร็วแบบแอ็คทีฟ ASL (Active Speed Limiter)
    • เบรกอัตโนมัติป้องกันการชน MCB (Miniature Circuit Breaker)

    ออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้งเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรก ช่วยเบรก BA (Brake Assist) ช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA (Emergency Brake Assist) ลดกำลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System)

    ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist System) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ควบคุมการทรงตัว ESP (Electric Stability Program System) ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) กล้องมองภาพรอบคันแบบ 540 องศา Surround View Monitoring ถุงลมนิรภัยรอบคัน เตือนการคาดเข็มขัดหน้า-หลัง และเซนเซอร์ช่วยจอดรถหน้า-หลัง

    JAECOO

    Verdict

    แม้จะจงใจหรือตั้งใจดีไซน์ตัวรถออกมาคล้ายกับ RANGE ROVER EVOQUE ผลที่เกิดขึ้นหล่อไม่แพ้กันหล่อคนละแบบ ตัวรถมีความคล่องแคล่วในการขับขี่ในเมืองมั่นใจได้บนเส้นทางในเมืองหรือต่างจังหวัด ถือว่าทำได้ดีเกินความคาดหมาย เด่นที่มีขุมพลังไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อนล้อหน้าแม้ไม่มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมอเตอร์คู่มาให้เลือกแต่ก็ลุยได้ เลอะได้

    JAECOO

    ถ้าสู้กับคู่แข่งรุ่นราวคราวเดียวกันจากญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป ยังพอสู้ได้ด้วยระยะทางวิ่งไกลกว่า 400 กิโลเมตรและราคาที่ออกมานั้นเป็นความหวังของหมู่บ้านไปเลยทีเดียว สำหรับ JAECOO 5 EV รุ่น Long Range MAX ในราคา 599,000 บาท

    แต่ถ้าอยากได้ออปชันพื้นฐานไม่กังวลเรื่องไม่มี ADAS ก็ยังมีรุ่น Long Range Dynamic ในราคา 549,000 บาท ให้เลือกโดยมีสีภายนอกถึง 5 สีทั้ง สีขาว Snowy White/สีดำ Carbon Black/สีเขียวอ่อน Light Sea Green/สีเทานม Cloudy Gray และสีน้ำเงินเข้ม Bahamas Blue

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts