CHERY กลับมาสร้างแบรนด์ในเมืองไทยอีกครั้งในรอบ 17 ปี ประเดิมเอสยูวี 2 รุ่นเริ่มที่ CHERY V23 เอสยูวีไฟฟ้าทรงกล่อง BOXY รุ่นแรกของค่าย
CHERY V23 งานดีไซน์ออกแบบไปคล้ายกับ Land Rover DEFENDER ผสมกับ Toyota FJ CRUISER แถมเป็นลุยรุ่นเล็กที่ชอบความคล่องตัวกว่ารุ่นพี่ JAECOO 6 EV และ JAECOO 6T
ดีไซน์ภายนอกเหลี่ยมเท่บึกบึน
ไฟหน้า LED ทรงกลมพร้อมไฟ DRL แบบ LED 2 เส้นในโคมเดียวกัน และเส้นแนวนอนขอบไฟหน้า พร้อมกระจังหน้าทรงทึบสีดำคาดเส้นแนวนอนสีเดียวกับตัวรถติดตรา CHERY กันชนหน้าใหม่แนวนนอนกลมกลืนกับชุดบังโคลนหน้าพร้อมไฟเลี้ยว LED บริเวณด้านล่างของกันชนด้านหน้าติดตั้งเรดาห์ตรวจจับ (Transparent Radar) เพื่อแสดงมุมกล้องรอบคัน 540 องศา
ด้านข้างมีความคล้ายกับ Land Rover Defender ดีไซน์เสา A-D เน้นความเหลี่ยมและหนักแน่นดุดันให้กับตัวรถสุดเท่ด้วย ช่องระบายอากาศแนวตั้งสีดำติดที่บังโคลนหน้าซ้าย-ขวา กระจกมองข้างทรงตั้ง ติดตั้งมือจับประตูแบบซ่อนเข้ากับตัวรถพร้อมติดตั้งไฟส่องสว่างเพื่อความสะดวกในการใช้งาน คิ้วขอบล้อทรง 4 เหลี่ยมดุดัน และเสา C กับ D มาในทรงทึบไม่มีกระจก และบันไดด้านข้างแบบติดตั้งถาวร (Fix Sidestep) เพื่อความสะดวกในการขึ้น-ลง
ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ขนาดเล็กแนวนอน พร้อมฝาท้ายเปิดบานใหญ่แบบเปิดด้านข้างและปิดด้วยระบบดูดไฟฟ้า กันชนหลังใหม่สีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟถอย LED พร้อมกล่องขนาดเล็กลงเก็บสัมภาระในตำแหน่งเดียวกับที่ห้อยยางอะไหล่สไตล์รถลุยยุค 90 ติดตั้งไฟเบรกเพิ่มเข้ามาพร้อมกล้องมองหลัง รวมทั้งเรดาห์ตรวจจับ (Transparent Radar) บริเวณมุมด้านขวา-ซ้ายของกันชนหลัง
ล้ออัลลอยเลือกได้ 2 ขนาดตั้งแต่ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 255/55 R19 และขนาดใหญ่ 21 นิ้ว พร้อมยาง 265/45R21 ตัวรถมีขนาดเล็กกว่ารุ่นพี่ iCAR 03 และ iCAR 03T แม้จะอยู่ในพิกัดไซซ์คอมแพ็ค จากแพลตฟอร์ม i-MS Platform โดยโครงสร้างตัวรถแบบเหล็กและอะลูมีเนียม ตั้งแต่
- ความยาว 4,220 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,915 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,845 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1,710-1,825 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 200-210 มิลลิเมตร
ภายในคล้ายเพื่อนร่วมค่าย
ยกงานดีไซน์มาจากรุ่น 03 และ 03T ปรับคลุกเคล้าเข้ากันคล้าย Range Rover เริ่มที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน เปลี่ยนมาใช้โลโก้ตัวอักษรแทนตัว i ออกแบบหนังสัมผัสใหม่รูปตัวยูที่แผงคอนโซลหน้าทรงถึกสี่เหลี่ยมพร้อมออปชันเด่นทั้ง มาตรวัดดิจิทัล LCD รวมในจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.4 นิ้วชัดแบบ 2.5 K ประมวลแม่นยำด้วยชิฟ Qualcomm Snapdragon 8155 อัพเดททั้งเฟิร์มแวร์และซอฟท์แวร์อัตโนมัติผ่านระบบออนไลน์ (OTA-Over The Air) ช่วยให้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยตลอดเวลา และทำให้ผู้ขับได้ใช้สิ่งที่ใหม่และทันสมัยก่อนใคร พร้อมลำโพง 7 จุด
ห้องโดยสารนั่งสบายมาพร้อมกับเบาะนั่งฟังก์ชันเพิ่มเติมมากมายระดับเฟิร์สคลาสที่ช่วยเพิ่มความสะดวกอาทิ เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง (Memory seat) ระบบรองน่องปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง (4-Way Electric Leg support) และระบบปรับอุณหภูมิของเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าของรถ ที่สามารถช่วยระบายอากาศเพิ่มความสบายขณะขับขี่ในทุกสภาพอากาศ รองรับการขับขี่ออฟโรดด้วยวัสดุภายในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความรู้สึกสบายสำหรับผู้ขับขี่
ภายในส่วนกลางบริเวณที่พักแขน (Armrest) ที่มีพื้นที่จัดเก็บของภายในมากมาย พร้อมทั้งยังถูกออกแบบมาให้ช่วยลดความรู้สึกของระยะห่างระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าอีกด้วย แผงประตูยังมีการออกแบบที่กระชับมั่นคง ด้วยมือจับประตูทรงเรียบหรู สวิตช์กระจกอิเล็กทรอนิกส์และมือจับประตูภายในที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความปลอดภัยไปพร้อมกับความฉลาดล้ำของผู้ขับขี่รุ่นใหม่
กุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC (NFC Card) มีกล่องเก็บของด้านท้ายความจุ 90 ลิตร และเมื่อพับเบาะแบบ 50/50 มีพื้นที่ 834 ลิตร และโทนสีภายใน 3 สีทั้ง สีขาว สีเขียวทหาร และสีเทาเข้ม
ขุมพลังอีวีสำหรับตลาดเมืองไทย
มาด้วยกัน 2 แบบประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Qida Permanent magnet Motor พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CATL มีให้เลือก 2 ขนาดความแรงเริ่มที่
รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 59.93 kWh ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 360 กิโลเมตร (NEDC) รองรับการชาร์จกระแสตรง (DC) กำลังแบตเตอรี่จาก 20%-80% ใช้เวลาประมาณ 36 นาที และ กระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพิ่มมอเตอร์ล้อหน้าเข้ามา 75 แรงม้า แรงบิด 112 นิวตันเมตร ผสมกับมอเตอร์ล้อหลัง 136 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกัน ให้กำลังรวม 211 แรงม้า แรงบิด 292 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 81.76 kWh วิ่งได้ไกลสุด 430 กิโลเมตร (์NEDC) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 7.5 วินาที รองรับการชาร์จกระแสตรง (DC) กำลังแบตเตอรี่จาก 20%- 80% ใช้เวลาประมาณ 42 นาที และ กระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW
ทั้ง 2 ความแรงมาพร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ iWD intelligent electric 4-wheel เพิ่มมาอีก 3 โหมด รวม 6 โหมดทั้ง Snow ,Mud, Sand ความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ 3.3 kW และระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)
ให้ความมั่นใจปีนป่ายเกาะถนนดีด้วยปีนป่ายแบบชิวๆเพราะคันนี้มีมุมไต่ ระยะจากพื้นถึงส่วนหน้าของกันชนหน้า หรือ approach angle 43 องศา และมุมจากระยะพื้นราบถึงส่วนล่างสุดของกันชนหลัง หรือ departure angle 41 องศา พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และ ด้านหลังมัลติลิงก์ ขับลุยน้ำลึกได้ถึง 600 มิลลิเมตร รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแกร่งผลิตจากเหล็กที่มีความทนทานสูง 68%
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Auto Emergency Braking)
- เตือนการชนด้านหน้า FCW (Front Collision Warning)
- เตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning)
- เตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร LKA (Lane Keeping Assist)
- เตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ป้องกันรถออกนอกช่องจราจร LDP (Lane Departure Prevention)
- ปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ HBA (High Beam Assist)
กล้องมองภาพรอบคัน 540 องศา ถุงลมนิรภัยรอบคัน ช่วยออกตัวรถ (Departure Assist) ล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Active Walk Away) กุญแจคียการ์ดระบบ NFC Keyless ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Assist Control) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) ไฟส่องสว่างนำทาง (Follow-Me-Home Light)
CHERY V23 เป็น 1 ใน 15 รุ่นที่จะเปิดตัวในไทยภายใน 2 ปีส่งมอบ 30 กันยายนนี้ และเป็นว่าที่รถประกอบไทยต่อจาก JAECOO 6 EV ขาย 3 รุ่นย่อยในราคาพิเศษถึง 31 ตุลาคม ดังนี้
- PLAY 2WD ราคาพิเศษ 689,900 บาท (เดิม 699,900 บาท)
- PLUS 2WD ราคาพิเศษ 749,900 บาท (เดิม 759,900 บาท)
- PEAK 4WD ราคาพิเศษ 879,900บาท (เดิม 889,900 บาท)
มีสีภายนอก 5 สี ทั้ง
- สีเขียว Dynamic Green
- สีส้ม Vibe Orange
- สีขาว Sporty White
- สีดำ Ignite Black
- สีเงิน Sparkle Silver
พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ
- รับส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.98%
- ฟรี! Wall Charge พร้อมติดตั้ง
- ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี
- ฟรี! สายชาร์จฉุกเฉิน ฟรี! V2L (Vehicle-to-Load)
- ฟรี! ชุดพรมปูพื้น
- ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
- รับประกันคุณภาพตัวรถนาน 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อนและแบตเตอรี่แรงดันสูงนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ระยะเวลาโปรโมชัน ตั้งแต่วันนี้-31 ตุลาคม 68