หลังจากเปิดตลาดที่เกาหลีและยุโรปไปสำหรับ KIA PV5 รถตู้ของค่ายที่ล่าสุดเตรียมโกอินเตอร์ทำตลาดทั้งญี่ปุ่นและออสเตรเลีย
KIA PV5 สามารถเป็นได้ทั้งรถโดยสารส่วนบุคคลหรือกิจการรวมถึงเป็นรถบ้านขนาดเล็ก Passenger เวอร์ชัน Cargo เป็นทั้ง รถขนส่ง ตู้แช่เย็น รวมถึงเวอร์ชันหัวกระสือ Chassis Cab เลือกได้ 3 แบบ
ให้ลูกค้าที่หลากหลายในการปรับแต่งรถให้เหมาะกับความต้องการของตนเองได้ ภายนอกดูหล่อเริ่มที่รุ่น Passenger โดดเด่นด้วยดีไซน์รูปทรงเรขาคณิตที่สอดคล้องกับรถรุ่นใหม่ๆของค่าย ให้ทัศนวิสัยที่ดีด้วยพื้นที่หน้าต่างขนาดใหญ่และ “แนวขอบหน้าต่างที่ต่ำ” และประตูท้ายแบบยกขึ้นเพียงบานเดียว ส่วนรุ่น Cargo เหมือนกับรุ่น PV5 Passenger แต่เพียงมาในเวอร์ชันตู้ทึบติดตั้งประตูท้ายแบบตู้กับข้าว Barn Door
ทั้ง 2 แบบยังมีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ที่คมชัดไฟหน้าแบบ LED แนวนอนซ่อนในกันชนหน้าพร้อมการ์ดเสริมสีเงิน 3 ชิ้นที่ซ่อมแซมง่าย แผงซุ้มล้อสีดำ ไฟท้าย LED แนวตั้ง และล้อทูโทนขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 215/65R16
สอดคล้องกับตัวถังทุกแบบด้วยโครงสร้างจากแพลตฟอร์ม Electric-Global Modular Platform for Service (E-GMP.S) สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์ ทั้งรุ่น Passenger และ Cargo โดยตัวรถมีขนาดใกล้เคียงกับ Volkswagen Caddy SWB แต่ความยาวกว่า Caddy แต่มาสั้นกว่า Toyota HIACE LWB และ Ford Transit Custom SWB ดังนี้
- ความยาว 4,695 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,895 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,923 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร
- พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 4 ลูกบาศก์เมตร ในรุ่น Cargo มาตรฐาน
- พื้นที่บรรทุกสัมภาระแบบ Walk-through 5.2 ลูกบาศก์เมตร ในรุ่น Hi Roof หลังคาสูง
ภายในห้องโดยสารประกอบไปด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน จอแสดงผลมาตรวัดขนาด 7.5 นิ้วและหน้าจอสัมผัสขนาด 12.9 นิ้ว สามารถติดตั้งแอป Android Automotive เพื่อติดตามรถระหว่างการทำงานได้ โดย KIA ร่วมมือกับ Samsung และใช้แพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) SmartThings Pro สามารถควบคุมและตรวจสอบระบบอุณหภูมิการไหลเวียนของเครื่องปรับอากาศภายในห้องโดยสาร HVAC
โดยมีเบาะนั่งตอนที่ 2 แบบ 3 ที่นั่งในรุ่น Passenger พับแบบ “Fold & Dive” เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระสูงสุดถึง 2,310 ลิตรและผนังกั้นะระหว่างห้องโดยสารตอนหน้าและตอนหลังในรุ่น Cargo
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนมาพร้อมแบตเตอรี่ มอเตอร์ ระบบช่วงล่าง และโครงสร้างใต้ท้องรถที่ได้มาตรฐาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาและเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานเริ่มที่รุ่น
- Passenger เวอร์ชันโดยสาร 5 ที่นั่ง มีให้เลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบนิกเกิลโคบอลต์แมงกานีส (NCM) ขนาด 51.5 หรือ 71.2 kWh วิ่งไกลสูงสุด 412 กิโลเมตร ตามข้อกำหนด WLTP หรือ 485 กิโลเมตร (NEDC) และยังมีรุ่นความจุแบตเตอนี่ขนาดเล็กที่ยังไม่ยืนยันว่าจะมาด้วยหรือไม่
- Cargo เวอร์ชันเพื่อการพาณิชย์ มีให้เลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบฟอสเฟต (LFP) ขนาด 43.3 kWh ที่ยังไม่ระบุระยะทางวิ่งไกล
- Cargo Long เวอร์ชันเพื่อการพาณิชย์ฐานล้อยาว ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบนิกเกิลโคบอลต์แมงกานีส (NCM) ขนาด 71.2 kWh วิ่งไกลสูงสุด 416 กิโลเมตร ตามข้อกำหนด WLTP หรือ 489 กิโลเมตร (NEDC)
โดยทุกขนาดความจุแแบตเตอรี่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตรชาร์จทั้งกระแสตรง DC 10-80% เพียง 30 นาที และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้
รองรับ V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุดเป็น 6 kW สามารถตอบสนองการทำงานพร้อมกันของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด พร้อมระบบเบรกเพื่อชาร์จไฟกลับ Braking Energy Regeneration ยกเว้นรุ่นหัวกระสือ Chassis Cab ยังไม่ระบุแรงม้าแรงบิด

KIA PV5 จาก Platform Beyond Vehicle (PBV) แพลตฟอร์มยานยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายออกแบบดีไซน์รถแบบโมดูลาร์ที่สามารถปรับแต่งได้ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายทั้งทางธุรกิจและส่วนบุคคล
โดยเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากกระบะ KIA TASMAN และจะมีอีก 2 รุ่นใหม่ทั้ง KIA PV7 ในปี 2027 และ KIA PV9 ในปี 2029 แถมตั้งเป้ายอดขาย PBV ไว้ที่ 250,000 คันภายในปี 2030 ในออสเตรเลียส่วนญี่ปุ่นตั้งเป้ายอดขาย 1,000 คันในปี 2026 และเพิ่มเป็น 2,000 คันในปี 2027 เตรียมขายออสเตรเลียภายในปี 2026 และญี่ปุ่นช่วงต้นปี 2026 ต่อจากตลาดเกาหลีและยุโรปที่จะเปิดตัวเร็วๆนี้














