หลังจากเปิดตัว Honda CR-V e:HEV ที่ญี่ปุ่นพร้อมเพิ่มออปชันให้ต่างจากไทยจนแฟนๆชาวไทยเรียกร้องอยากให้มีบ้างล่าสุดสมใจเสียที

เมื่อ Honda เปิดตัวเอสยูวีพรีเมียมปรับปรุงใหม่อย่างเป็นทางการกับ Honda CR-V e:HEV MY2026 พร้อมออปชันใหม่เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ตรงใจแฟนๆเน้นขายฟูลไฮบริดเท่านั้น
หน้าตาเดิมแต่ปรับลุคให้สปอร์ต
ด้วย กระจังหน้าดีไซน์พิมพ์นิยมสีดำแบบสปอร์ต ทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่นใหม่ e:HEV E จะได้กระจังหน้าสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED พร้อมกันชนหน้าตกแต่งสีดำ
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ เสาอากาศครีบฉลาม หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นตั้งแต่รุ่น e:HEV ES และ e:HEV HuNT ชายกันกระแทกด้านข้างและคิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ

ไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟตัดหมอกหลัง สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ และกันชนหลังตกแต่งสีดำ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 แบบสีดำ Berlina Black ทุกรุ่นย่อย และเป็นออปชันใหม่ในรุ่น e:HEV E
พิเศษกับรุ่น RS ที่ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้นด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน เสริมเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น ด้วยสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวตกแต่งสีดำแบบสปอร์ต กันชนหน้า-หลัง ที่เปิดประตูและชายกันกระแทกด้านข้าง เสาอากาศครีบฉลาม และ สปอยเลอร์หลัง เปลี่ยนมาเป็นสีดำแบบสปอร์ตจากเดิมสีเดียวกับตัวรถ
ออปชันเดิมทั้ง หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำกับโครเมียม ไฟตัดหมอกหลัง และล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ต พร้อมยาง 235/55R19 พร้อมรุ่นย่อยใหม่ e:HEV RS 2WD
รุ่นย่อยใหม่ e:HEV HuNT ลุคพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนตัวตนและไวบ์ที่แตกต่างของเหล่า HuNTSTER พร้อมมอบประสบการณ์สุดยูนีคในทุกเส้นทางที่โลดแล่นด้วยชุดแต่ง 6 รายการทั้ง
- ชุดเสริมหลังคาคู่
- บันไดข้าง
- คิ้วตกแต่งกระจังหน้าสี Glossy Copper
- คิ้วตกแต่งไฟตัดหมอกสี Glossy Copper
- แผงใต้กันชนหน้า
- คิ้วตกแต่งซุ้มล้อหน้า-หลัง

มิติตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่
- ความยาว 4,691 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,866 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,681 และ 1,691 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร
- ความสูงใต้ท้องรถ 198 และ 208 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,743-1,815 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 57 ลิตร
ภายในห้องโดยสารปรับใหม่
ตั้งแต่รุ่น e:HEV ES ได้ออปชันใหม่ทั้ง เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศ กับ ลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ทุกรุ่นย่อยได้ ออปชันใหม่ทั้ง แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์รองรับ Android Auto Apple CarPlay อัปเดตออนไลน์ over-the-air และระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT พร้อมเทคโนโลยี Digital Key

รุ่น e:HEV ES สไตล์ใหม่ด้วยชุดตกแต่งภายในใหม่สีเงินอะลูมิเนียม ลาย Hairline และสีดำแบบสปอร์ต และรุ่น e:HEV RS สปอร์ตใหม่ชุดตกแต่งภายในสีเงินอะลูมิเนียมรมดำ ลาย Hairline และสีดำแบบสปอร์ต และโลโก้ RS บนเบาะนั่งคู่หน้า เบาะหุ้มหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์เดินด้ายสีแดง และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสีดำ เดินด้ายแดง

พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียมใช้วัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ เบาะหนังสีดำ พวงมาลัยสีดำ แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่ง อาทิ ถาดคอนโซลกลาง แผงประตูหน้าและหลัง และที่วางแก้ว
ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (ทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่น e:HEV E) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส
หน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 2WD-4WD) ลำโพง 8 จุด (เฉพาะรุ่น e:HEV E)

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว (ออปชันใหม่ในรุ่น e:HEV E) อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง)

พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับ การใช้งานที่หลากหลาย พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขวาง เบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Sliding) เลื่อนและแยกพับแบบ 60:40 เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน สามารถปรับพับลงแนวราบได้เรียบ (Utility Mode) ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง (Long Mode)
เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว และเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับปรับ 8 ทิศทาง คนนั่งปรับ 4 ทิศทาง บันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ พร้อมเลือนอัตโนมัติเวลาขึน – ลงรถ (Driver Memory Seat with Easy Entry / Exit)

ขับเคลื่อนสู่ทุกจุดหมายอย่างมั่นใจ
กับขุมพลังที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการขับขี่กับเบนซิน e:HEV 2.0 ลิตร รหัส LFAS1 Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลัง 148 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิด 183 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์
พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาที เมื่อทำงานร่วมกันจะได้พลังแรงสุด 207 แรงม้า มอบอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 18.5-19.6 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัมต่อกิโลเมตร
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ใน 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
มาพร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย 4 โหมด ได้แก่ ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode) พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ

ลาทีกล้องส่องผี Lane Watch
ในรุ่น MY2026 ตัดระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda Lane Watch) และความปลอดภัย Honda SENSING ให้ครบในทุกรุ่นย่อย
- ใหม่! ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI)
- ใหม่! ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM)
- เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 2WD-4WD)
- เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
- ช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor: DAM)

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่นๆอาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (ยกเว้นรุ่น e:HEV E) เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (ให้ทุกรุ่นย่อย) ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) ไฟเตือนเบาะนังด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
ป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD) บช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) เบรกมือไฟฟ้า (EPB) Auto Brake Hold ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
ถุงลมนิรภัย 8 จุด รวมหัวเข่าคู่หน้า เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขีโหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS) บล็อกรถอัตโนมัติเมือกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) เพิมความคล่องตัวในการขับขี (AHA)

Honda CR-V e:HEV MY2026 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ดังนี้
- รุ่น e:HEV RS 4WD ราคาประมาณการ 1,7XX,XXX บาท (เดิม 1,729,000 บาท)
- รุ่น e:HEV RS 2WD ราคาประมาณการ 1,6XX,XXX บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- รุ่น e:HEV HuNT (รุ่นย่อยใหม่)
- รุ่น e:HEV ES ราคาประมาณการ 1,5XX,XXX บาท (เดิม 1,589,000 บาท)
- รุ่น e:HEV E (รุ่นย่อยใหม่) ราคาประมาณการไม่เกิน 1,4XX,XXX บาท
โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่
- สีใหม่!! สีเทาเออร์เบิน (มุก) ในรุ่น e:HEV RS และ e:HEV RS 4WD
- สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (ทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่น e:HEV HuNT)
- สีขาวแพลทินัม (มุก) (ทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่น e:HEV HuNT) เพิ่ม 12,000 บาท
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) (ทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่น e:HEV HuNT)
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
- สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท
เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้าอย่างลงตัว พิเศษ! รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท พร้อมรับดอกเบี้ย 0.99%และฟรีประกันภัย 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ล่วงหน้าเพื่อเป็นเจ้าของ ผ่านทางที่ปรึกษาการขายที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7-27 พฤศจิกายน 2568 พร้อมจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน– 31 ธันวาคม 2568 เตรียมพบกับการประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568











