หลังประสบความสำเร็จอย่างมากกับ GWM TANK 300 DIESEL ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม และปัจจุบันมียอดส่งมอบสะสมทะลุ 6,000 คันเป็นที่เรียบร้อย

เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆชาวไทยกับการตอบรับที่ดีเยี่ยม ล่าสุด GWM เซอร์ไพรส์พิเศษเปิดตัว GWM TANK 300 DIESEL Desert Storm Limited Edition ที่มาพร้อมชุดตกแต่งพิเศษรอบคัน
ภายนอกแต่งหล่อ
- สีภายนอก Sand Beige สุดโดดเด่น
- กระจังหน้าโลโก้ TANK ขนาดใหญ่สีเดียวกับตัวรถ
- ชุดแต่งฝากระโปรงหน้า
- คิ้วกันกระแทกประตูด้านข้าง
- ฝาครอบล้ออะไหล่และฝาครอบไฟท้ายดีไซน์เฉพาะ
- ชุดสเกิร์ตกันชนหน้า–หลังที่ช่วยเพิ่มบุคลิกดุดันและสะท้อน DNA ออฟโรด ได้อย่างชัดเจน
บนพื้นฐานรุ่น ULTRA 4WD ทั้งไฟหน้า Intelligent LED ทรงกลมพร้อมไฟ LED Daytime คิ้วขอบล้อสีดำดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Continental Cross Contact RX แบบ HT ขนาด 265/65 R17 หลังคาซันรูฟแบบเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้าและราวหลังคา
เสาอากาศ Shark Fin ที่เปิดประตู กระจกมองข้างตกแต่งสีเข้มทั้งหมดด้านท้ายดีไซน์ตั้งตรงพร้อมฝาท้ายขนาดใหญ่ห้อยยางอะไหล่ไว้ดูมีเอกลักษณ์ดีตามสไตล์ออฟโรดและไฟท้าย Vertical LED

ภายในหรูสไตล์ Premium off-road
รู้สึกหรู ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย และใส่ใจในทุกรายละเอียด แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ร่วมสมัยช่องแอร์ทรงกลม มาตรวัด Full LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัส LCD ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เชื่อมต่อและการควบคุมรถจากระยะทางไกลผ่านแอปพลิเคชัน GWM ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายขั้นสุดให้กับผู้ขับขี่ทุกมิติ
เชื่อมต่อ พอร์ต USB ด้านหน้าและด้านหลัง ลำโพงคุณภาพรอบคัน 8 จุดจากค่าย Infinity เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว
ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง และช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง (12V) และช่องจ่ายไฟสำรอง (220V) ในรุ่น ULTRAไฟสร้างบรรยากาศภายในมากถึง 64 สี Ambient light

นาฬิกาแบบเข็มคลาสสิกเพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ทำงานร่วมกับกุญแจ Smart Key และ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ ที่ช่วยปรับความสว่างจากไฟหน้ารถที่ขับตามหลังในเวลากลางคืนโดยอัตโนมัติ
เบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA leather ตัดเย็บประณีต คู่หน้าปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางและคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถเบาะหลังตอนที่สองพับได้ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกของมากถึง 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะ

ดีเซลเทอร์โบแปรผัน
ขนาด 2.4 ลิตร รหัส GW4D24 ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาทีสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 11 วินาที การตอบสนองที่ฉับไวนี้ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือเพิ่มความเร็วได้ทันใจในทุกสถานการณ์
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 ทำให้รถสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถปรับอัตราการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละสภาพถนน และสอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป
มาพร้อมโหมดการขับขี่ 9 โหมด ได้แก่ โหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) และโหมดการขับขี่แบบออฟโรด ได้แก่ โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบอัตราทดเกียร์ต่ำ (4L) โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นหิน โหมดพื้นทราย โหมดภูเขา โหมดพื้นหลุมบ่อ และโหมดผู้เชี่ยวชาญ ติดตั้งระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body transparent) ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์และดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง เพื่อความต้องการของทุกสถานการณ์ล็อกเฟืองขับด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อน

พร้อมโหมด crawl mode มีมุม approach angle หรือมุมเงย 33 องศา และมุม departure angle หรือมุมจาก 34 องศา Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน หลังจากเปิดฟังก์ชันแล้ว ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วคงที่ และ Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ ระบบจะจดจำข้อมูลภาพจากกล้องระหว่างการขับขี่
พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับทั้ง Light, Comfort และ Sport ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่และความปลอดภัยมาเต็มรูปแบบ

นักสะสมสายออฟโรดต้องไม่พลาดกับรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 300 คันเท่านั้น โดยมีราคาจำหน่ายที่ 1,349,000 บาท พร้อมการรับประกันคุณภาพเครื่องยนต์ที่ยาวนานและครอบคลุมมากขึ้นถึง 1,000,000 กิโลเมตร (หรือ 8 ปี)










