นอกจาก DENZA B5 ที่นำมาโชว์ตัวแล้วยังมีทรงกล่องอีกรุ่นที่นำมาให้คนไทยรู้จักก่อนจะเปิดขายในอนาคตกับ BYD Ti7 ที่นำพื้นฐานของ BAO7

BYD Ti7 เอสยูวีสไตล์ Adventure ออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด STARSHIP Ark ผสานความดุดันเข้ากับตัวถังทรงเหลี่ยมในแบบ Unibody ไร้กระดูก
หน้าตาหล่อด้วยไฟหน้า Matrix LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน กรอบกระจังหน้าสีดำเงา ติดตราโลโก้ เฉพาะ กันชนหน้าสุดแกร่งรูปตัว H มาพร้อมช่องระบายอากาศ 2 ชั้น เสริมการ์ดกันกระแทกใต้ห้องเครื่องพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED
ด้านข้างบึกบึนแกร่งเท่กับดีไซน์ทรงเหลี่ยมดุทั้งคันตั้งแต่คิ้วขอบล้อสีเดียวกับตัวรถพร้อมล้ออัลลอยลายเข้มขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/55R20 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 255/60R19 กระจกมองข้างทรงเหลี่ยม ราวหลังคา พร้อมหลังคาพาโนรามิกซัฟรูฟเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ด้านท้ายติดตั้งกล่องอเนกประสงค์ชุดฝาท้ายเปิดทั้งบานและไฟท้าย LED แนวตั้ง
- ความยาว 4,999 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,995 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,865 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 220 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร

ภายในอย่างหรูออกแบบสไตล์ Dual Layer Symmetry ให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินไปกับการขับขี่พร้อมผจญภัย มาพร้อมคอลโซลกลางแบบ Floating และหุ้มเบาะด้วยหนังแท้ NAPPA เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบระบายอากาศ รวมถึงระบบนวดเบาะ และ กล่องควบคุมอุณหภูมิทั้งอุ่นและเย็น แบบ 5 ที่นั่ง

มี BYD Intelligent Cockpit เชื่อมต่อการแสดงผลผ่านหน้าจอต่างๆ รวมถึงระบบแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 26 นิ้ว และอุปกรณ์เสริมหน้าจอผู้โดยสารด้านหลัง BYD PAD ขนาด 13 นิ้ว เชื่อมต่อและ ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถยนต์ ได้โดยตรง เสมือนมีแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง เป็นศูนย์กลางควบคุมในรถ ยกระดับความสะดวกสบาย ทั้ง ลำโพง 20 ตำแหน่ง, ไฟ Ambient Lighting, ระบบน้ำหอมปรับอากาศ

ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง PHEV แบบ DM 5.0 platform 4WD จากเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 156 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า ที่ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 272 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร เข้ากับ BYD Blade Battery ขนาด 35.6 kWh แบบ CTB (Cell-to Body) ที่รวมชุดแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างของตัวรถ
กำลังรวมสูงสุด 490 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 620 นิวตันเมตร ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ 155 กิโลเมตร (NEDC) ให้ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.5 วินาที เมื่อชาร์จแบตและเติมน้ำมันเต็มถัง จะวิ่งได้ไกลกว่า 1,300 กิโลเมตร

ขับขี่มั่นใจด้วยช่วงล่างที่มีเทคโนโลยี DiSus-C พร้อมระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ในด้านหน้า และแบบมัลติลิงก์ในด้านหลังขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมระบบกระจายแรงบิดหน้าหลังอัตโนมัติ Torque Vectoring และมีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Fi-Pilot L2+ มากถึง 20 ระบบ
พบตัวจริงที่งาน Motor Expo 2025 สำหรับ BYD Ti7 หรือ BAO7 ส่วนจะมีแนวโน้มเข้าขายในไทยหรือไม่นั้นติดตามกันในครั้งต่อไป










