เปิดวิธีตรวจสอบใบสั่งจราจรออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ามีใบสั่งค้างจ่ายกี่ใบ พร้อมทั้งดำเนินการชำระค่าปรับผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที
จากกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลแถลงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายจราจร และไม่ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนด จนอาจทำไปสู่การถูกออกหมายจับ ซึ่งปัจจุบันมีผู้กระทำผิดไม่ไปชำระค่าปรับเป็นจำนวนมาก ทั้งยังคงมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรซ้ำซาก ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและปัญหาจราจรตามมา โดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา และสามารถตรวจสอบย้อนหลังใบสั่งที่ยังไม่หมดอายุความ (ระยะเวลา 1 ปี) โดยเน้นกรณีกระทำผิดซ้ำซากก่อน
ทั้งนี้ ยังคงมีประชาชนบางส่วนไม่ทราบว่าได้รับใบสั่งจราจร ในกรณีเปลี่ยนที่อยู่, มีการซื้อ-ขายรถยนต์ไปแล้วแต่ยังไม่โอนเป็นชื่อเจ้าของใหม่ และอื่นๆ โดยปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำเว็บไซต์ตรวจสอบใบสั่งออนไลน์ ที่สามารถแสดงประวัติการได้รับใบสั่งจราจร ตรวจสอบการค้างชำระค่าปรับ และดำเนินการชำระเงินได้ทันที
ถ้าไม่จ่ายค่าปรับ จะเป็นอย่างไร?
- ชำระภาษีประจำปีไม่ได้
ในระบบของงานจราจร มีการเชื่อมต่อข้อมูลลงในระบบออนไลน์ เพื่อตรวจเช็ค หักคะแนน ความประพฤติในการขับขี่บนท้องถนน ของผู้ที่มีใบขับขี่ โดยจะสามารถเช็คได้ เมื่อคุณกระทำความผิดตามกฎหมายจราจร แล้วไม่ได้ไปชำระค่าปรับ ทางหน่วยงานจราจร จะลงข้อมูลและจะเชื่อมโยงไปยังสำนักงานขนส่งทางบก และสำนักงานภาษีทันที หรือหากจ่ายค่าปรับจราจร เกินกําหนด หรือได้ใบสั่งมาแล้วไม่จ่ายค่าปรับภายใน 30 วัน คุณจะโดนหมายจับ พร้อมโทษปรับ 1,000 บาท และจะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ ถ้านำรถไปใช้จะมีความผิดตามกฎหมายจราจร ฐานไม่ต่อภาษียานพาหนะ มีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท
- โดนพักใบอนุญาตขับขี่
สำหรับกรณีโดนพักใบขับขี่ คุณจะโดนหักคะแนนความประพฤติ ไปตั้งแต่ 1-2 คะแนน หากถูกตัดจนหมด 12 คะแนน จะถูกพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน (3 เดือน) และต้องเข้ารับการอบรมใบขับขี่ใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ หากทำผิดจนโดนพักใช้ใบขับขี่ 3 ครั้ง ภายใน 3 ปี จะถูกพักใช้นาน 1 ปี และถ้าทำผิดซ้ำอีกในปีถัดไป จะโดนเพิกถอนใบขับขี่ และจะต้องรอไปถึง 5 ปี ถึงจะสามารถทำใบขับขี่ต่อได้
ขั้นตอนตรวจสอบใบสั่งออนไลน์
1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ptm.police.go.th/eTicket หากยังไม่ได้ลงให้คลิกไปที่ “ลงทะเบียน”
2. จากนั้น กรอกรายละเอียดข้อมูลการลงทะเบียนให้ครบถ้วน ได้แก่
- เลขประจำตัวประชาชน
- วัน/เดือน/ปีเกิด
- ชื่อ – นามสกุล
- Laser ID (เลขหลังบัตรประชาชน) แล้วคลิกปุ่ม “ถัดไป”
3. เมื่อเข้าสู่หน้าลงทะเบียนถัดไป ให้เลือก “ข้อมูลรถที่ครอบครอง หรือ ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่” อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วกรอกรายละเอียดลงไป
หากเลือก “ข้อมูลรถที่ครอบครอง” ต้องกรอกรายละเอียด ตามนี้
- ประเภทรถ
- หมวดตัวอักษร
- หมวดตัวเลข
- จังหวัด
หากเลือก “ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่” ต้องกรอกรายละเอียด ตามนี้
- ชนิดใบอนุญาต
- ประเภทใบอนุญาต
- เลขที่ใบอนุญาต
- วันที่ออกใบอนุญาต
4. เมื่อกรอกรายละเอียดต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ระบบจะแสดงข้อมูลทั้งหมดให้คุณได้ตรวจสอบ เมื่อเช็กแล้วว่าข้อมูลถูกต้องให้กรอกอีเมลล์ เพื่อรับรหัส 6 หลัก และยืนยันตัวตน
5. หลังจากได้รหัสเรียบร้อย ให้กรอก validation code เพื่อยืนยันข้อมูล และใส่รหัสผ่านลงไป (อย่างน้อย 8 ตัว) แล้วกดปุ่ม “ลงทะเบียน” พร้อมยอมรับเงื่อนไข เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
6. เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว กลับสู่หน้าหลัก แล้วระบุ “เลขประจำตัวประชาชน” และ “รหัสผ่าน” ที่ลงทะเบียนแล้วเข้าสู่ระบบ เพื่อเช็กใบสั่งออนไลน์
7. ตรวจสอบใบสั่งออนไลน์ได้ โดยระบุข้อมูล ดังนี้
- วันที่กระทำผิด
- ทะเบียนรถ
- เลขที่ใบสั่ง
***หากมีใบสั่ง ระบบจะแสดงข้อมูลรายละเอียดในใบสั่งขึ้นมา
***แต่หากไม่มีก็จะแสดงหน้าต่าง แจ้งเตือน ไม่พบข้อมูลใบสั่ง
การชำระค่าปรับจราจรสามารถเลือกชำระได้หลายช่องทาง ดังนี้
- เคาน์เตอร์เซอร์วิส (Counter Service) ทุกสาขาที่ 7-11
- CenPay ที่มีอยู่ในเซ็นทรัล
- Tops
- แฟมิลี่ มาร์ท
- โรบินสัน
- B2S
- ไทวัสดุ
- HomeWork
- Power Buy
- Super Sports
- ธนาคารกรุงไทย ผ่านแอปพลิเคชัน KTB NETBANK, ตู้ ATM และ เคาเตอร์ทุกสาขา
- ที่ทำการไปรษณีย์ หรือจุดที่มีสัญลักษณ์ PTM ทั่วประเทศ
บทความอื่น ๆ