ถึงแม้ไทยจะเป็นที่แรกของโลกโชว์ดักคอเรียกกระแสให้สาวกได้รู้จักไปตั้งแต่ปีกลายสำหรับ HAVAL H6 PHEV เอสยูวีเสียบปลั๊กรุ่นแรกของค่าย GWM
แต่ก็โดนทางจีนซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดตัดหน้าเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการไป และจากปัญหาต่างๆที่รุมเร้าไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขาดแคลนหรือ Lithium ion Shortages ซึ่งมีกราไฟท์เป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ฯตั้งแต่เดือนมีนาคมรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์หรือ ชิป chip shortages ขาดแคลนเข้ามาผสมกับสถานการณ์สงคราม ราคาน้ำมัน ฯลฯ ทำให้ HAVAL ตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัว HAVAL H6 PHEV จากเดิมช่วงกลางปีนั่นเอง
สำหรับ HAVAL H6 PHEV หน้าตาที่แตกต่างจาก HAVAL H6 HEV ไปเอาหน้าตาของรุ่น H6 Supreme สเปกจีนมาทั้งดุ้น ตั้งแต่ กระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำดุดันและแข็งแกร่งแต่ดันไปคล้ายกับ Peugeot 3008 รับกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 ไฟหน้า Intelligent LED Headlamp ดีไซน์ล้ำสมัย และไฟท้าย LED Taillight Strip เป็นแนวยาวพาดจากซ้ายจรดขวาเติมเต็มความหรูหราด้วยหลังคาพาโนรามิกซันรูฟสุดหรู ขนาด 1.2 เมตร ส่วนมิติตัวรถยังไม่มีการเปิดเผยแต่ยังสร้างบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยเช่นเดิม
ภายในคล้ายกับรุ่น H6 HEV ULTRA ตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เทา ภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” ที่มีชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ดีไซน์หรู พร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss ที่ช่วยเติมสีสันและความหรูหราให้กับห้องโดยสาร รวมไปถึงการเชื่อมต่อหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบ Touch Screen Audio Display 12 นิ้ว ที่เพียงแค่สแกน QR CODE ก็สามารถเข้าถึงความบันเทิงเต็มรูปแบบได้อย่างครบครันทั้ง MP3 JOOX และระบบนำทาง พร้อมลำโพง 8 ตัว พร้อม Treble Woofer และ DTS พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบกรองอากาศ PM 2.5
รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้ง Wireless Charger กุญแจ Smart Key ระบบ Push Start และประตูท้ายที่สามารถเปิด – ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า และระบบ Kick Sensor อีกทั้งยังมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย แผงมาตรวัดดิจิตอลลอยตัว 10 นิ้ว จอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) แสดงภาพข้อมูลการขับขี่ครบครัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านพร้อม Paddle Shift เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางในส่วนคนขับ และไฟฟ้า 4 ทิศทางในส่วนคนนั่ง เบาะหลังพับได้ 40/60 สร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในห้องโดยสารด้วยไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร Ambient Light
ขุมพลังสำหรับสเปกไทยมาพร้อมเบนซิน 1.5 Turbo GW4B15 GDIT EVO 150 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที พัฒนาเพิ่มพลังมากขึ้น ชาร์จได้มากขึ้นและวิ่งไกลสุดมากขึ้นด้วย ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ความจุแบตตอรี่มากถึง 41.5 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตร
รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมดทั้งโหมด Hybrid 4 โหมด = ECO, Normal, Sport, Snow และโหมด EV = ECO, Normal, Sport, Snow แต่สเปกไทยโหดกว่าจีนตรงที่การขับขี่แบบไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 201 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (สเปกจีนโหมดไฟฟ้าล้วนถึงสองแบบคือ 55 กม./ชาร์จหนึ่งครั้งและ 110 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC)
ความปลอดภัยรอบคัน Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ 2+ HAVAL H6 PHEV จากเดิมจะขายช่วงกลางปีเลื่อนมาเปิดตัวและขายจริงช่วงปลายปีนี้ช่วงไตรมาสสี่จับตาสเปกและราคาขายจะถูกใจมากน้อยแค่ไหนโปรดติดตาม
