More

    พาเหรดรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่…โชว์ตัวที่ไทยปลายปี 2022

    หลังจากที่ Car2Day เปิดรายชื่อรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเข้าขายในเมืองไทยช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 ทั้งภาพรวมรถใหม่เครื่องสันดาปและไฟฟ้าล้วน

    คราวนี้ก็จะมาพูดถึงไฮไลต์รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2022 นี้ในรูปแบบแนวโน้มที่จะเปิดตัว เปิดตัวจริงๆ และคาดการณ์ไว้ว่าจะมาเพื่อชาวไทยที่รอคอยอยากได้รถยนต์พลังงานเป็นมิตรรวมถึงตอบรับมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของทางภาครัฐและท้าทายสถานการณ์ปัจจุบันทั้งขาดแคลนเซมิคอนดั๊กเตอร์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ขาดแคลนซัพพลายแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า ราคาน้ำมันที่ผันผวน ฯลฯ เริ่มกันที่

    BMW : BMW i7/BMW i3 Sedan

    BMW

    ถ้ามาทันปลายปีได้พบกับอัครยนตกรรมหรูจากเมืองมิวนิก The New BMW i7 หน้าตาเด่นด้วยกระจังหน้าไตคู่ทรงอลังการงานสร้าง ไฟหน้า Crystal LED ตาสองชั้นแบบเดียวกับรุ่น X7 LCI ที่ปรับโฉมได้ไม่นาน ส่วนบนจะเป็นไฟ LED Daytime พร้อมเส้นแนวนอนคั่นกลางไว้ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED ดีไซน์เพรียวลงกว่าเดิม แถมออกแบบชุดกันชนหน้าให้เป็นหนึ่งเดียวกับอย่างลงตัว ด้านข้างพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย ที่เปิดประตูแบบซ่อนรูปเนียนกับตัวถังไฟท้าย LED ที่เพรียวลงพอๆกับด้านหน้าและกันชนหลังที่ลงตัวและย้ายชุดป้ายทะเบียนมาไว้ในชุดกันชนหลังเป็นครั้งแรก พร้อมภายในที่อภิมหาจอสัมผัสก็ว่าได้เพราะเขาใจดีให้มาตั้ง 31 นิ้ว แบบ BMW Theater Screen ลอยตัวติดบนหลังคา จอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display ที่รวมทั้งจอมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัส 14.9 นิ้ว มาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบลอยตัว

    ขับเคลื่อนพลังไฟฟ้าล้วน eDrive ด้วยความจุแบตเตอรี่ 101.7 kWh ให้กำลังมากถึง 544 แรงม้าที่ 5,000-12,000 รอบ/นาที แรงบิด 745 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ วิ่งไกลสุด 590-625 กม. (WLTP) ความเร็วสูงสุด 240 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.7 วินาที การชาร์จเริ่มที่ชาร์จช้าแบบ Wallbox (AC 3 เฟส 11 kW) จาก 10-100% ใช้เวลาน้อยกว่า 9.5 ชม. และชาร์จเร็ว DC 195 kW จาก 10-80% ใช้เวลา 34 นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Two-Stage Single Speed ในรุ่น i7 xDrive60

    BMW

    BMW i3 Sedan ก็มาด้วยปรับใหม่ตั้งแต่ กระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่มาพร้อม ไฟหน้า LED ดีไซน์เฉพาะรวมถึงกันชนหน้าทรงปสอร์ต คิ้วรูปตัว L จะผอมเรียวกว่ารวมถึงช่องระบายอากาศที่ใหญ่กว่า ล้ออัลลอยเน้นดีไซน์แอโรไดนามิก ที่ ไฟท้าย LED ใหม่และกันชนหลังดีไซน์คนละแบบโดยแผงทับทิมหลังออกแบบแนวตั้งกลมกลืนกับชุดลิ้นสปอยเลอร์หลัง

    ภายในใหม่ด้วยคอนโซลหน้ามาพร้อมจอคู่แบบโค้ง BMW Curved Display รองรับการโต้ตอบด้วยเสียงกับ BMW Intelligent Personal Assistant โดยจอโค้งนี้เป็นกลุ่มจอแสดงผลดิจิทัลประกอบด้วย จอ Information Display 12.3 นิ้ว และจอสัมผัส Control Display 14.9 นิ้ว รวมเข้าด้วยกันภายใต้แผงกระจกชิ้นเดียวที่หันหน้าเข้าหาผู้ขับขี่ พร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ BMW Operating System 8 และเกียร์อัตโนมัติดีไซน์ใหม่ พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วน Gen5 eDrive 285 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร กับความจุแบตเตอรี่ 70.3 kWh สามารถวิ่งไกลสุด 526 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.2 วินาที สามารถรองรับไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 95 kW โดยการชาร์จเร็วใช้เวลา 35 นาที ชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนชาร์จช้า รองรับไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW 6 ชั่วโมง

    BYD : BYD ATTO 3/ BYD ATTO 2 (Dolphin)

    หลังจากเปิดตัวบริษัท Rêver Automotive เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทยกับรถยนต์นั่ง BYD ด้วยการลงทุนไป 3,000 ล้านบาท ลงทุนด้านเครือข่ายการจำหน่าย การขาย การซ่อมบำรุงให้ครบ 31 แห่งภายในปีนี้ และ 60 แห่งในปีหน้า และสถานีชาร์จ 1,000 แห่ง พร้อมปั้นแบรนด์ติด Top 5 ไทยภายใน 5 ปี

    พร้อมทั้งทาง บริษัทแม่ BYD จากจีนซื้อที่ดินนิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 เพื่อประกอบรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเพื่อขายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศสำหรับตลาดรถพวงมาลัยขวาแล้วเสร็จในปี 2024 และแสดงเจตจำนงเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากับกรมสรรพสามิต เพื่อรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและเงินสนับสนุน 1.5 แสนบาทต่อคัน และภาษีสรรพสามิต เหลือ 2 % จากภาครัฐ

    BYD

    10 ตุลาคมนี้พร้อมแล้วกับการเปิดตัวและเปิดรับจองอย่างเป็นทางการสำหรับ BYD ATTO 3 เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกที่ประเดิมตลาดหรืออีกชื่อ BYD Yuan Plus EV สร้างจากพื้นฐาน BYD’s e-platform 3.0 ในร่างเอสยูวี 5 ประตูดีไซน์กะทัดรัดคล่องตัวหล่อ พร้อมขุมพลังไฟฟ้า ให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent magnet synchronous motor โดยมีสองความจุแบตเตอรี่เริ่มที่รุ่นเริ่มต้น มาด้วยความจุแบตเตอรี่ 52.5 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 400 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และรุ่นสูงสุดที่มีความจุมากถึง 63.8 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 480 กม. ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมระบบชาร์จเร็ว DC 100 kW สามารถชาร์จได้เร็วสุด 45 นาที

    BYD

    และอีกหนึ่งรุ่นที่เข้ามานั่นคือ BYD ATTO 2 หรือ BYD Dolphin (EA1)  ฉายา เจ้าโลมา เป็นรถทรงท้ายตัด 5 ประตู สร้างขึ้นจากแพลตฟอร์ม BYD e-platform 3.0  พร้อมภายในที่กว้างสบายแบบ 5 ที่นั่ง พร้อมออปชันประจำรถครบครันทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน จอสัมผัสขนาดใหญ่ ขุมพลังไฟฟ้าล้วนประจำรถมีหลากหลายความแรง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ permanent magnet synchronous motor ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่มีพลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ขนาด 30.7 kWh แบบ BYD Blade Battery(LFP) วิ่งไกลสุด 301 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า

    ส่วนอีกรุ่นเพิ่มความจุแบตเป็น 44.9 kWh พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 405 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้าและรุ่นท็อปสุดความจุแบตเท่ากัน (44.9 kWh) แต่ให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากสุด 177 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 401 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า

    สามารถชาร์จได้ทั้งขาร์จช้า AC AC charging (on-board) รองรับสูงสุด7 kW ส่วนชาร์จเร็ว DC fast charging ใช้เวลา 30 นาที ในการชาร์จจาก 30-80% รองรับสูงสุด 60 kW แต่รุ่นเริ่มต้นนั้น รองรับสูงสุด 40 kW แต่ชาร์จเร็วได้ 30 นาทีในการชาร์จจาก 30-80% โดยทั้ง BYD ATTO 2 และ ATTO 3 มาไทยแน่นอนส่วนรุ่นอื่นๆทั้ง BYD HAN EV, BYD QIN DMi, BYD SONG PLUS DMi และ BYD TANG EV อาจมาโชว์ดักคอเพื่อเรียกคะแนนศรัทธาจากผู้ใช้ชาวไทยในงาน Motor Expo 2022

    Lotus : Lotus Eletre

    Lotus

    Lotus Eletre เอสยูวีไฟฟ้าออกแบบที่สปอร์ตหลังคาเพรียวลงสไตล์รถคูเป้ ไฟหน้า LED ทรงบูมเมอแรง พร้อมไฟท้าย LED ดีไซน์โค้งมน กระจกมองข้างขนาดเล็กสามารถดูได้จากกล้องมองภาพในรถ โดยรวมแล้วดูดุดันเท่ไม่แพ้ค่ายรถอื่นๆ รวมถึงล้อดีไซน์ล้ำอนาคตขนาด 23 นิ้ว และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ก็มีให้ด้วยเช่นกัน ตัวถังรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียม

    Lotus

    ให้กำลังมากถึง 600 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.95 วินาที ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Dual Motor AWD และความจุแบตเตอรี่ 100 kWh วิ่งไกลสุด 600 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. โดยการชาร์จไฟด้วยกำลังไฟ 350 KW ในเวลาสั้นๆเพียง 20 นาที สามารถวิ่งไกลสุดได้ 400 กม. พร้อมเทคโนโลยีไฟฟ้าแรงดันสูง 800V พร้อมช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับความสูงตัวรถได้อัตโนมัติแถมมีเลี้ยวสี่ล้อ โดยส่งมอบชาวไทยตั้งแต่ปี 2024 จับตาแล้วว่าปลายปีนี้จะมาโชว์ดักคอเรียกน้ำย่อยเศรษฐีเงินหนาหรือไม่ต้องติดตาม

    MG : MG 4EV

    MG

    เริ่มทดสอบที่ไทยแล้วสำหรับ MG 4 EV หรือ MG MULAN เก๋งแฮทช์แบ็ก 5 ประตูหล่อตั้งแต่ไฟหน้า LED ดีไซน์หกเหลี่ยม พร้อมไฟ DRL แบบ LED กับกระจังหน้า ดีไซน์ ‘shark-nosed’ และเส้นแนวตั้ง 2 เส้น Fins รวมอยู่ด้วย โดยรวมด้านหน้ามาในแบบรูปตัว X ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R17 ไฟท้าย LED แนวตั้งพาดยาวครอบทั้งฝาท้ายพร้อมกันชนหลังทรงสปอร์ต ตัวรถมาจากพื้นฐาน SAIC Nebula หรือ Modular Scalable Platform (MSP) แพลตฟอร์มสำหรับรถไฟฟ้า

    ภายในมีความสปอร์ตเท่ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านแบบท้ายตัด D-Shape จอสัมผัสแบบแท็บเล็ตขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay เชื่อมต่อระบบข้อมูลรถ i-Smart ได้บวกกับมาตรวัดดิจิทัล 7 นิ้ว เบาะนั่งทรงสปอร์ตสีดำหุ้มหนัง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศดิจิทัลที่วางชาร์จมือถือไร้สายที่วางแก้ว และพื้นที่ด้านหลังสำหรับวางสัมภาระที่จุมากขึ้น

    ขุมพลังไฟฟ้ามาพร้อมเทคโนโลยี CTP (Cell-To-Pack) ระบายความร้อนได้ดีโดยอ้างอิงจากสเปกยุโรปด้วยความจุแบตเตอรี่ถึงสองขนาดตั้งแต่ 51 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลังมากถึง 170 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.7 วินาที วิ่งไกลสุด 350 กม./การชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP

    MG

    อีกรุ่นด้วยความจุแบตที่ใหญ่กว่า 64 kWh ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบ/นาที วิ่งไกลสุด 450 กม./การชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.9 วินาที และรุ่น Luxury ความจุแบต แรงม้า แรงบิดและอัตราเร่งเท่ากับรุ่น Comfort แต่วิ่งไกลสุด 435 กม./การชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP  ทุกขุมพลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ขับเคลื่อนล้อหลังและทำความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.

    NETA : NETA U

    NETA

    เปิดราคาอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ NETA V เจ้าโลมาราคามิตรภาพ 549,000 บาท เริ่มทยอยส่งมอบกันไปตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ และปลายปีนี้  NETA อาจเสริมรุ่นหนึ่งเข้าทำตลาดขึ้นอยู่กับว่าทางจีนพร้อมจะผลิตพวงมาลัยขวากับ NETA U เอสยูวีที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่น V ออกแบบทันสมัยสมส่วนสวยกว่า หน้าตาความหล่อเทียบชั้นรถยุโรป เริ่มที่ ล้ออัลลอยเลือกได้ตั้งแต่ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/65 R17, ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R19 พร้อมไฟหน้า LED ดีไซน์ตัวรถคล้ายรถเอสยูวีหรูโซนยุโรป รวมถึงมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ราวหลังคา และไฟท้าย LED ดีไซน์เฉียบคมติดตั้งให้เป็นออปชันมาตรฐาน สร้างจากพื้นฐาน Hozon Auto’s EPT2.0 platform

    ขุมพลังไฟฟ้ามีให้เลือกหลายแบบโดยยังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเดี่ยว single electric motor กับแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 42-48 kWh โดยให้กำลังถึงสองระดับตั้งแต่ Mid-Power 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 400 กับ 500 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. แล้วยังมีรุ่น High-Power 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 610 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยชาร์จช้านั้นจาก 0-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8.5-13 ชม. แต่ถ้าชาร์จเร็ว 30 จนถึง 80% จะใช้เวลา 30 นาที

    พร้อมความปลอดภัยทั้ง ระบบควบคุมความเร็วรถแปรผัน Adaptive Cruise System (ACC) แจ้งเตือนอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW) เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking system (AEB) เตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning (LDW) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Active Lane Keeping (LKS) ตรวจจับและตีความป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะรถติด Traffic Jam Assist (TJA) เบื่องต้นโชว์ตัวกันอีกครั้งที่งาน Motor Expo 2022 เดือนธันวาคมนี้ และขายจริงช่วงปีหน้า

    SERES : SERES 3/ SERES 5

    Seres

    หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ VOLT City EV กับราคาเย้ายวน ล่าสุด อีวี ไพรมัส ผู้นำเข้าและจำหน่าย พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ SERES ซึ่งเป็นแบรนด์รถไฟฟ้าในเครือ DFSK หรือ DONGFENG ที่พัฒนาร่วมกับ Huawei โดยเตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้าอย่างน้อย 3 รุ่น ในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยปีนี้ประเดิมส่งสองรุ่นใหม่มาให้ชาวไทยได้รู้จักทั้ง

    เริ่มที่ SERES 3 เอสยูวีไฟฟ้าที่นำพื้นฐานจาก DFSK GLORY E3 มาเปลี่ยนตัวตนเป็นแบรนด์ SERES ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนแรงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ด้วยความจุแบตเตอรี่ 52.56 kWh วิ่งไกลสุด 405 กม. โดยการชาร์จแบบชาร์จเร็ว Fast Charging 30 นาที จาก 20-80% และชาร์จช้า 8 ชม. ในร่างเอสยูวีที่มีความยาว 4,385 มม. ความกว้าง 1,850 มม. ความสูง 1,650 มม. ฐานล้อ 2,655 มม. และความสูงจากใต้ท้องรถ 180 มม.

    Seres

    ส่วนอีกรุ่นคือ SERES 5 เอสยูวีทรงหรู ด้วยความจุแบตเตอรี่ 90 kWh ให้กำลังมากถึง 694 แรงม้า แรงบิด 1,039 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 500 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.5 วินาที โดยสองรุ่นนี้พร้อมเปิดตัวภายในปีนี้ขึ้นอยู่กับว่าทางโรงงานผลิตที่จีนจะผลิตเวอร์ชันพวงมาลัยขวาออกมาหรือไม่

    Toyota : Toyota bZ4X

    Toyota

    ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่ขอมาร่วมชิงเค้กก้อนนี้กับ Toyota bZ4X เพื่อสอดคล้องกับนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ครบทั้ง 30 รุ่น ภายในปี 2030 โดยรวมไปถึงรถซีรีส์ bZ จำนวน 5 โมเดลของ Toyota สร้างบนพื้นฐาน e-TNGA ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนกับ แบตเตอรี่ Lithium-ion 71.4 kWh มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว มีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตันเมตร และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ X-MODE ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวให้กำลังถึง 218 แรงม้า 336 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดสำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าทำได้ 450 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ไกลสุด 410 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน European WLTP  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.7 วินาทีในรุ่น AWD โดยรุ่นนี้ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากทางภาครัฐแล้ว

    Toyota

    ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัว และคาดการณ์ไว้จะมาภายในปี 2022 นี้ โดยจะมาทันงาน Motor Expo 2022 ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงแบรนด์จีนอีกสองแบรนด์ที่จะมาทั้ง Chery และ Changan ว่าจะมาหรือไม่ต้องติดตาม

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts