หลังจากเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2023 สำหรับ Toyota Highlander เอสยูวีรุ่นใหญ่ที่ขายดีทั้งในอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลียและบางประเทศ
ล่าสุดประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ภายนอกหล่อเดิมๆโค้งมนดูโฉบเฉี่ยวจาก กระจังหน้าทรงใบมีดโกนเรียงรายกันแบบสลับฟันปลา ไฟหน้า Projector แบบ LED เรียวมากกว่าเดิมพร้อมไฟ LED-strip Daytime Running Lights (DRL) ไฟตัดหมอก LED ตำแหน่งสูงกว่าในชุดกันชนหน้า ล้ออัลลอยลายขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R20 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/65R18 ให้เลือก ไฟท้าย LED พร้อมกันชนหลังดีไซน์บึกบึน จากโครงสร้างใหม่ Toyota New Global Architecture (TNGA) GA-K
ปรับปรุงเล็กน้อยในส่วนของภายในได้มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมปรับเปลี่ยนสีของมาตรวัดสี่โหมดทั้งโหมด Casual, Smart, Tough และ Sporty ในรุ่นท็อปสุด Limited กับ Platinum ส่วนรุ่นอื่นๆอย่าง XLE และ XSE ได้จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว กับมาตรวัดพร้อมจอ MID 8 นิ้ว ส่วนรุ่นเริ่มต้น L กับ LE ได้ มาตรวัดพร้อมจอ MID เป็น 7 นิ้วแทนของเดิม 4.2 นิ้วแต่ยังคงหรูเช่นเดิมด้วยเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งตอน 2 เลื่อนได้สุด 180 มม. สามารถเข้าไปในตอน 3 ได้สบาย บรรทุกของด้วยพื้นที่สัมภาระมากถึง 658 ลิตรและเมื่อพับทั้งเบาะแถว 2 กับ 3 จะมีพื้นที่มากขึ้น 1,909 ลิตร พรั่งพร้อมด้วยออปชันครบครันทั้ง ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า power tailgate พร้อมระบบ kick-sensor เหวี่ยงเท้าไปยังใต้กันชนหลังเพื่อเปิดประตูท้าย ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้า head-up display และ ระบบอุ่นเบาะ กระจกมองหลังแบบดิจิตอล
Toyota ตัดสินใจปลดเครื่องยนต์ใหญ่เบนซิน V6 3.5 ลิตร (รหัส 2GR-FKS) Direct Injection Chain Drive VVT-iW ให้กำลังสูงสุด 296 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ Direct Shift แทนที่ด้วยขุมพลังใหม่ Dynamic Force Engine ขนาด 2.4 ลิตร เทอร์โบในรหัส T24A-FTS ให้กำลังถึง 269 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 1,700-6,300 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ Direct Shift เช่นเดิมพร้อมให้เลือกในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Dynamic Torque Vectoring AWD พร้อมเบนซิน Dynamic Force Engine Hybrid 2.5 ลิตร (รหัส A25A-FXS) ให้กำลังถึง 189 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 237 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า-หลังแบบ 5NM และแบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 246 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT ขับเคลื่อน 4ล้อ AWD แบบ Electronic On-Demand
โดยเครื่องยนต์ Turbo ใหม่นี้พัฒนาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อย NOx และ NMOG ลงมากกว่า 50% รวมถึงปรับในเรื่อง Co2 ให้ดีขึ้นและความประหยัดมากกว่าเดิม 10.2 กม./ลิตร
Toyota Highlander MY2023 โดยมีทั้งหมด 22 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นเริ่มต้น L, LE, XLE, XSE, Limited, Platinum, Bronze Edition ในราคา $36,420- $52,545 หรือราว 1,369,000- 1,979,000 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 4,289,000-6,199,000 บาท ขายจริงปลายเดือนตุลาคมนี้ที่อเมริกา
ที่มา Carscoops