ในที่สุด Nissan เปิดตัวรถยนต์เอ็มพีวีเจเนอเรชันใหม่สานต่อความสำเร็จเพื่อครอบครัวยุคใหม่ กับ Nissan Serena รหัส C28 เปิดตัวญี่ปุ่นที่แรกของโลก
Nissan Serena เจนนี้เป็นเจเนอเรชันที่ 6 หน้าตาคล้ายกับเจเนอเรชันที่ 5 แต่มีการปรับดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้นกระจังหน้ารูปตัววีดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan กันชนหน้ารับเข้ากับกระจังหน้าอย่างลงตัว ไฟหน้า LED สามดวงแนวตั้งพร้อมปักชื่อ Serena บนขอบไฟหน้า มีโลโก้ Nissan เวอร์ชันใหม่ รับกับชุดกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้าดวงเล็กแบบ LED คิ้วด้านท้ายด้วยกันสองชุดเริ่มจากคิ้วเล็กปะชื่อ Serena และคิ้วใหญ่กรอบป้ายทะเบียน ติดตั้งกันชนหลังแผงทับทิมแนวตั้งและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ และไฟท้าย LED แนวตั้ง ที่ครอบทับฝาท้ายส่วนบนกระจกท้ายเสา C กับ D แบบตัววี เสา A มีกระจกขนาดเล็กแบบเดียวกับเจนที่แล้ว ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/65 R16 ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,765-4,690 มม. ความกว้าง 1,695-1,715 มม. ความสูง 1,870-1,895 มม. ฐานล้อ 2,870 มม. น้ำหนักรถ 1,670-1,850 กก.
ภายในยังคงเป็นแบบสามแถว 7 และ 8 ที่นั่ง เบาะนั่งตอนที่สองสามารถเลื่อนได้ แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ที่ต่างจากเจนที่แล้ว กับมาตรวัดขนาดใหญ่พร้อมจอ MID ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับระบบความบันเทิง Infotainment กับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ประตูสไลด์ เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาและปุ่มเกียร์อัตโนมัติในตัว มีระบบ ProPILOT 2.0 หรือระบบช่วยขับกึ่งอัตโนมัติ
ขุมพลังสำหรับเอ็มพีวีคันนี้มีกันสองแบบตั้งแต่เบนซิน e-Power ใหม่รหัส HR14Dde ที่พัฒนาจาก HR12DE มาขยายความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชักยาวขึ้นเป็น 78.0 x 100.0 มม. (เดิม 78.0 x 83.6 มม.) ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motor ให้พลังรวมเป็น 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ionในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction
ส่วนขุมพลังยอดนิยมยังคงเดิมกับ เบนซิน 2.0 ลิตร รุ่น MR20DD ตัดระบบ Hybrid ทิ้งไป กำลังสูงถึง 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ที่มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมระบบ ProPILOT 2.0 หรือระบบช่วยขับกึ่งอัตโนมัติ ระบบช่วยบังคับเลี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงการชน” ควบคุมการบังคับเลี้ยวของผู้ขับขี่เมื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางด้านหน้า และ ProPILOT Parking พ่วงระบบหน่วยความจำที่สามารถบันทึกตำแหน่งที่จอดรถเมื่อจอดรถแล้ว และ Propilot Remote Parking ช่วยให้รถสามารถเข้าและออกได้ด้วยรีโมทคอนโทรล สามารถเข้าและออกจากพื้นที่จอดรถที่แคบๆแบบสบายๆ
Nissan Serena เจเนอเรชันที่ 6 ในช่วงแรกจำหน่ายเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าเบนซิน 2.0 ลิตร มีทั้งหมด 7 รุ่นย่อย 4 เกรดความหรูตั้งแต่รุ่น X, XV, Highway Star V และ Luxion ในราคาเริ่มต้น 2,768,700 – 4,798,200 yen หรือราว 719,000- 1,245,000 บาท โดยราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาขายในไทยราคารวมภาษีนำเข้าของไทยจะอยู่ที่ 1,349,000-3,685,000 บาท ส่วนเมืองไทยจะหวนกลับมาทำตลาดผ่านทาง Nissan โดยตรงหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา Carwatch