AVATR 11 Royal Edition ต่อยอดความหรูหราที่พัฒนาจากรุ่นเดิม มาพร้อมดีไซน์ภายนอกแบบ ทูโทนเฉพาะรุ่น ตกแต่งด้วยเส้นสายสีเงินสุดประณีต ภายในห้องโดยสารหรูหราด้วยหนัง Semi-Aniline Leather และเบาะหลังแบบ Executive Rear Seating Suite พร้อมระบบขับเคลื่อน Dual-Motor AWD สัมผัสตัวจริงพร้อมกัน Motor Expo ปลายปีนี้
ดีไซน์ภายนอก
รุ่น Royal Edition ต่อยอดปรัชญาการออกแบบของ AVATR ในแนวคิด “โดดเด่นเหนือระดับ, ไม่ใช่ผู้ตาม แต่เป็นผู้นำในเรื่องการออกแบบ” พร้อมกับตัวรถสีทูโทนเฉพาะรุ่น สีเทา–ดำ พร้อมสีแพลทตินัมซิลเวอร์ที่มาแทนสีดำแบบมาตรฐาน เพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้โดดเด่นเหนือใคร
ตราสัญลักษณ์ Royal Edition สื่อถึงเอกลักษณ์ความพรีเมียมเฉพาะตัว ขณะที่ล้อฟอร์จขนาด 22 นิ้วแบบ Heptagram Starburst ช่วยเพิ่มความสปอร์ตและลดน้ำหนักเมื่อเทียบกับล้อทั่วไป
ภายนอกยังโดดเด่นด้วย กระจังหน้าแบบ Disc-Wing, ไฟหน้า LED รูปตัว F, ประตูไฟฟ้าอัจฉริยะ, สปอยเลอร์หลังปรับระดับอัตโนมัติ พร้อมเพิ่มความสปอร์ตเร้าใจด้วยดีไซน์กันชนแบบ Sport Bumpering ที่ลงตัวทั้งความสง่างามและความแข็งแกร่ง
ดีไซน์ภายใน
ห้องโดยสารถ่ายทอดความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส ด้วยเพดานกำมะหยี่ Merlot Red Suede ตัดกับเบาะหนัง Rose White Semi-Aniline ที่ให้สัมผัสหรูหรากว่าหนัง Nappa แบบดั้งเดิม
พื้นที่โดยสารด้านหลังถูกยกระดับเป็น Executive Seating Suite พร้อมเบาะ VIP 4 ที่นั่ง และที่วางแขนกลางแบบลอยตัว (Floating Armrest) รองรับฟังก์ชันนวด 8 จุด ระบบชาร์จไร้สายกำลังสูง 50W พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส Zero-Gravity Seats มาพร้อมระบบนวด อุ่น และระบายอากาศ มอบความสบายสูงสุดในทุกการเดินทางทั้งเบาะหน้าและหลังห้องโดยสาร
โอบล้อมผู้โดยสารด้วยเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง Meridian 25 ลำโพง แบบ 7.1.4, ระบบไฟ Ambient Light 256 สีแบบ Dynamic, และระบบ VORTEX Sensory Ecosystem ที่ผสานแสง เสียง และกลิ่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เสริมความสมบูรณ์แบบด้วยหลังคากระจกพาโนรามา กระจกมองหลังแบบดิจิทัล และระบบน้ำหอมในรถที่คัดสรรกลิ่นพิเศษถึง 3 แบบ สร้างบรรยากาศแห่งความหรูหราที่สัมผัสได้ทุกอณู
สมรรถนะเหนือชั้น
AVATR 11 Royal Edition มาพร้อมระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive (AWD ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะช่วยกระจายแรงขับแบบเรียลไทม์ พร้อมเบรกสมรรถนะสูง Brembo Red Calipers และแชสซีส์ระดับโลกที่ให้ทั้งเสถียรภาพและความนุ่มนวล
ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี Magnetorheological Dampers แบบเดียวกับที่ใช้ในซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari และ Lamborghini ช่วยปรับการหน่วงได้ภายในเสี้ยววินาที เพื่อการควบคุมที่แม่นยำและความสบายที่ไร้ที่ติ
รายละเอียด คลิก
















