More

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์ 8 รุ่น ที่โดดเด่นประจำปี 2023

    ในปี 2023 นี้เป็นอีกหนึ่งปีที่มีรถบิ๊กไบค์สาย แอดเวนเจอร์ มาพร้อมคุณสมบัติการใช้งานที่หลากหลาย และครอบคลุมทุกการใช้งานจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รถสไตล์นี้ได้รับความสนใจและความนิยมอยู่ไม่น้อย

    อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ปี 2024 แล้ว ในครั้งนี้เรามาดูกันว่าในปี 2023 นี้มีรถบิ๊กไบค์รุ่นไหนบ้างที่อยู่ใน 8 รุ่นที่น่าสนใจของปีนี้ และต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่การจัดอันดับ แต่เป็นการรวบรวมรุ่นที่โดดเด่น และน่าสนใจ ถ้าหากพร้อมกันแล้วก็ไปชมกันได้เลยว่ามีรุ่นอะไรบ้าง

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    1.Aprilia Tuareg 660 ราคาเริ่มต้นที่ 749,000 บาท

    Aprilia Tuareg 660 มอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์ขนาดกลางที่เหมาะทั้งมือใหม่และมือเก๋า เป็นสุดยอดนวัตกรรมจากแพลตฟอร์ม Aprilia 660 ทำให้รถมีน้ำหนักเบา ปราดเปรียว ครบเครื่อง และเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่เพื่อขีดสุดในการควบคุมบนทางดินและทางดำ พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกใช้งานถึง 4 โหมดด้วยกันคือ Urban, Explore, Off-Road และ Individual ไม่ว่าเส้นทางที่ว่าจะเป็น เนิน หิน ดิน ทราย หรือท้องถนนที่เต็มไปด้วยอุปสรรค  Tuareg 660 พร้อมพาคุณเปิดรับความท้าทายใหม่ๆ และบุกเบิกเส้นทางของคุณเองอย่างไร้ขีดจำกัด

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    2.Honda XL750 Transalp ราคาเริ่มต้นที่ 389,000 บาท

    Honda XL750 Transalp หนึ่งในคลาส 750 Series สร้างมาเพื่อตอบโจทย์ทุกการเดินทางไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ หรือทางฝุ่น โดยสืบทอด DNA มาจาก Honda XL600V Transalp ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1986 แน่นอนว่า XL750 Transalp ได้สานต่อความเป็นแอดเวนเจอร์ที่ไปทุกเส้นทางได้อย่างครบถ้วน แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามา เพื่อเติมเต็มสมรรถนะ ความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์นักขับขี่ที่ชื่นชอบการเดินทางและผจญภัย ด้วยโหมดการขับขี่ 5 โหมด คือ Standard, Rain, Gravel, Sport และ User ซึ่งตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ และสามารถสนุกกับทุกเส้นทางได้อย่างปลอดภัย

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    3.Suzuki V-Strom 800DE ราคาเริ่มต้นที่ 479,000 บาท

    Suzuki V-Strom 800DE มาพร้อมกับการดีไซน์ โฉบเฉี่ยว ดุดัน ด้วยการออกแบบที่ไม่เหมือนใครในแนวคิด “Adventure is its Purpose” ให้ทุกการเดินทางคือการผจญภัยซึ่งผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์การผจญภัยในรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้ชื่นชอบการผจญภัยบนเส้นทางสายลุย  และสายท่องเที่ยวเดินทางไกล ที่สามารถไปได้ทั้งออนโรด และออฟโรด เป็นการเปิดสู่โลกการผจญภัย และความสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยความสามารถที่ครบครัน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ 3 โหมดมาตรฐาน พร้อมด้วยโหมดควบคุมการยึดเกาะถนนอย่าง Gravel ที่จะปรับแต่งสมรรถนะได้อย่างละเอียดตามความลักษณะการขับขี่เฉพาะบุคคล

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    4.Yamaha Tenere 700 ราคาเริ่มต้นที่ 479,000 บาท

    Yamaha Tenere 700 เป็นในรถออฟโรดสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับความสามารถรอบด้าน เหมาะสมกับการใช้งานบนเส้นทางออฟโรกไม่ว่าจะเป็น เส้นทางวิบาก การขับขี่แบบ Rally และความสามารถในการขับขี่แบบ Cross Country ที่ค่อนข้างเหนือกว่าคู่แข่ง ตัวรถมีความเพรียวบาง อัดแน่นไปด้วยขุมพลังอันล้นเหลือ และเทคโนโลยีขั้นสูงจาก Yamaha โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ ระบบเบรก ABS ที่สามารถตั้งค่าได้ 3 โหมด คือ ABS Full On , Front Wheel On/Rear Wheel Off และ Full Off เพื่อให้คุณได้สนุกไปกับการขับขี่ทั้งบนถนน และบนทางออฟโรด

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    5.Triumph TIGER 1200 ราคาเริ่มต้นที่ 972,000 บาท

    Triumph TIGER 1200 รถจักรยานยนต์ แอดเวนเจอร์ รุ่นท็อปได้รับการพัฒนาเพื่อรวมความเป็นที่สุดในทุกด้าน ด้วยศักยภาพเครื่องยนต์ 3 สูบอันทรงพลัง ให้พละกำลังและแรงบิดที่มากขึ้นจากการปรับแต่งเพลาข้อเหวี่ยงแบบ T-plane ใหม่ รวมถึงจุดเด่นด้านเทคโนโลยีขั้นสูงของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการขับขี่ เพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการควบคุมรถ ตลอดจนรูปลักษณ์โดยรวมที่ดูเพรียวบางแต่โฉบเฉี่ยวคล่องตัว สู่การสร้างมาตรฐานใหม่และส่งมอบประสบการณ์การขับขี่แนวผจญภัยบนถนนและทางออฟโรด ตอบโจทย์ทุกความเหนือชั้นแก่ผู้ขับขี่ ด้วยโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 6 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Rider-configurable, Off-Road และ Off-Road Pro 

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    6.Ducati DesertX ราคาเริ่มต้นที่ 669,000 บาท

    Ducati DesertX ซีรีส์การขับขี่แบบผจญภัยที่ขึ้นแท่นเป็นจักรยานยนต์แบบออฟโรดที่ดีสุดของ Ducati พร้อมทะยานทุกเส้นทาง มีเส้นสายดีไซน์เหมือนกับรถแข่งขันรายการสุดโหดอย่าง Dakar Rally ช่วงยุค 80 ที่ผสมผสานระหว่างความคลาสิกและความทันสมัย มาพร้อมขุมพลังของเครื่องบล็อกเดียวกันกับ Multistrada V2 และ Monster 937  แต่ก็ผ่านการปรับจูนมาให้เหมาะสมกับสไตล์รถ สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ 6 โหมด คือ Sport,Touring,Urban,Wet และ 2 สำหรับขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะคือ Endoro กับ Rally  นอกจากนี้ยังสามารถเลือกปรับระดับการทำงานของสมรรถนะเครื่องยนต์ได้อีกด้วย และยังสามารถปรับตั้งค่าการใช้งานของระบบ ABS ได้ถึง 3 ระดับ

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    7.Harley-Davidson Pan America 1250 Special  ราคาเริ่มต้นที่ 940,000 บาท

    Harley-Davidson Pan America 1250 Special รถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งสายลุย สัญชาติอเมริกันที่สร้างขึ้นเพื่อการขับขี่ท่องเที่ยว ผจญภัย มาพร้อมขุมพลังแบบ V-Twin ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกช่วงความเร็ว ที่ใช้ได้ทุกวันอย่างสะดวกสบายและอยู่ในการควบคุม สามารถเลือกระดับความแรงจากโหมดการขับขี่ได้ 4 รูปแบบคือ Rain, Road, Sport และ Off-Road

    บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์

    8.BMW R 1250 GS ราคาเริ่มต้นที่ 1,075,000 บาท

    ขอปิดท้ายด้วยสุดยอดยานแม่อย่าง BMW R 1250 GS ราชินีแห่งรถจักรยานยนต์แบบ Travel Enduro มาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์อันทรงพลังที่มี BMW ShiftCam ช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์สมูทยิ่งขึ้น ลดอัตราสิ้นเปลืองของน้ำมัน และมีความราบรื่นในการทำงานมากขึ้นในช่วงความเร็วรอบเครื่องที่ต่ำและแรงบิดที่สูงในทุกช่วงความเร็วรอบเครื่อง นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด คือ Rain, Road และ Riding Mode Pro ในส่วนของโหมดโปรแบ่งออกเป็น Dynamic, Dynamic Pro, Enduro และ Enduro Pro ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ตามความถนัดของผู้ขับขี่

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts