More

    5 เรื่อง คนมีรถยนต์ไฟฟ้าต้องรู้ ก่อนติด EV Charger ไว้ที่บ้าน

    รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมกันมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งหลายคนที่ตัดสินใจซื้อไปแล้ว อาจจะยังไม่มีความรู้กับเทคโนโลยียานยนต์ที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในบ้านเราไม่กี่ปี ซึ่งสิ่งสำคัญนอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เราได้ซื้อมาแล้วนั้น ก็คือ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger ที่ก็สำคัญไม่แพ้กัน

    ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้วหรือกำลังจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรจะต้องทำความเข้าใจและศึกษาเรื่องระบบการชาร์จให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะการรู้ถึงวิธีการเลือกใช้เครื่อง EV Charger วิธีการติดตั้ง การดูแลรักษา มาตรฐานต่างๆ ไว้ที่บ้าน เพื่อความสะดวกสบาย ให้สามารถใช้ได้อย่างถูกวิธีและป้องกันอันตรายต่างๆ

    มาลองทำความเข้าใจกับ 5 เรื่องที่คุณต้องรู้ ก่อนติด EV Charger ไว้ที่บ้านกันก่อนครับ

    1.อยากชาร์จไฟให้รถเร็วแค่ไหน

    ให้ตรวจสอบขนาด On-Board Charger เลือกเครื่องชาร์จให้เหมาะกับความต้องการ On-Board Charger คือ ระบบควบคุมการดึงไฟฟ้า ที่ตัวรถจะสั่งการไปยังเครื่องชาร์จไฟฟ้า โดยทั่วไปขนาดมีตั้งแต่ 3.6kW ถึง 22kW ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ซึ่งจะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟของแบตเตอรี่รถยนต์ ยิ่งวัตต์สูงก็จะทำให้ชาร์จเร็วยิ่งขึ้น

    ทั้งนี้ ท่านควรเลือกเครื่องชาร์จไฟฟ้า ให้เหมาะกับรุ่นรถ แล้วแจ้งทีมช่างเพื่อที่จะเตรียมขนาดสายไฟและอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับขนาดเครื่องชาร์จไฟฟ้า นั้นๆด้วย

     

    2.ตรวจสอบขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าในบ้าน ว่ารองรับเพียงพอหรือไม่

    ให้สังเกตที่มิเตอร์ไฟฟ้า ดูตรงข้อความที่เขียนว่า “Phase” หรือ “Type” มิเตอร์สำหรับบ้านทั่วไปที่สร้างเอาไว้นานแล้ว มักจะอยู่ที่ Single-Phase 5(15)A หรือ Single-Phase 15(45)A ซึ่งเป็นกำลังไฟที่ไม่เพียงพอกับการใช้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การจะติดตั้งเครื่อง EV Charger และใช้ไฟในบ้านได้อย่างเสถียร มาตรฐานขนาดมิเตอร์ที่ทางการไฟฟ้าฯแนะนำ คือ Single-Phase 30(100)A หรือ 3-Phase 15(45)A ขึ้นไปถึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน ดูง่ายๆ บนมิเตอร์ไฟ ถ้ากำลังไฟแค่ 5(15)A หรือ 15(45)A เฟส 1 (1P) ควรแจ้งเปลี่ยนกับการไฟฟ้าไว้ก่อนเลย มาตรฐานที่ควรใช้คือ 30(100)A เฟส 1 หรือ 15(45)A เฟส 3 โดยอาจต้องเพิ่มขนาดสายเมนไฟฟ้าให้เหมาะสม และตรวจให้แน่ใจว่าตู้ควบคุมไฟติด Circuit Breaker เพิ่มได้ไหม หรือจำเป็นต้องแยกตู้ต่างหาก

     

    3.ตรวจสอบประเภทหัวปลั๊กรถยนต์

    โดยตรวจสอบที่เสียบหัวปลั๊กของรถยนต์ของคุณ ว่าเป็นประเภทไหน เพื่อที่จะได้ติดตั้งเครื่องชาร์จให้ตรงกับรถของท่าน โดยมักจะแบ่งออกเป็น 3 Type ตามประเทศที่ผลิต

          • Type 1 สำหรับรถประเทศญี่ปุ่น และอเมริกา เช่น Nissan Leaf , Tesla ที่จำหน่ายในอเมริกา
          • Type 2 สำหรับรถยุโรป เช่น Mercedes-BENZ , MG , BMW, VOLVO , PORSCHE , TESLA , JAGUAR, HYUNDAI ที่จำหน่ายในยุโรป
          • Type GB/T สำหรับประเทศรถจีน เช่น BYD และรถที่จำหน่ายในจีน หรือบางรุ่นก็สามารถใช้ได้ทั้งประเภทคือ Type1 และ Type2 เช่น LEXUS

    ส่วนรถที่จำหน่ายในประเทศไทย โดยส่วนมากจะเป็น Type 2 เนื่องจากเป็นมาตรฐานตามที่หน่วยงานของรัฐได้แนะนำไว้ แต่อาจมียี่ห้ออื่นประปรายที่เป็นหัวประเภทอื่น เช่น Nissan Leaf ที่อยู่ในประเภท Type 1

    4.เลือกจุดติดตั้ง วิธีเลือกจุดติดตั้งที่เหมาะสมคือ

    ระยะจากจุดติดเครื่องชาร์จ จนถึงจุดที่เสียบเข้าตัวรถที่จอด ไม่ควรเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายเครื่องชาร์จไฟฟ้าโดยทั่วไป อยู่ที่ 5-7 เมตร
    เลือกจุดที่สามารถหลีกเลี่ยงการโดนละอองฝน หรือน้ำฝนสาดเข้ามาได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการกันน้ำของเครื่องชาร์จไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อ

     

    5.ตรวจสอบเครื่องชาร์จไฟที่ได้มาตรฐาน

    มอก. 61851 หรือ IEC 61851 และมีระบบ safety ติดตั้ง เช่น ระบบป้องกันไฟรั่ว มาตรฐานการกันน้ำ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ทั้งความรวดเร็วในการชาร์จ ระบบความปลอดภัยจากการชาร์จ

    ใครกำลังสนใจอยากหาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไว้ใช้สักคัน ก็อย่าลืมทำตามขั้นตอน ศึกษาหาข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยของคุณและความสะดวกในการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย


     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts