More

    Can-Am เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2 โมเดลใหม่

    Can-Am เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 2 โมเดลใหม่ Origin และ Pulse โดยทั้งสองรุ่นเปิดตัวมาในสองสไตล์ คือ แอดเวนเจอร์ และโรดสเตอร์

    Can-Am ผู้ผลิตจากประเทศแคนาดา ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสองโมเดลใหม่ได้แก่ Origin ที่มาในสไตล์แอดเวนเจอร์ และ Pulse ที่มาในสไตล์โรดสเตอร์

    José Boisjoli ประธานและซีอีโอของ BRP กล่าวว่า “วันนี้ เราได้นำมรดกทางจักรยานยนต์สองล้อของเรากลับคืนมาด้วยการสร้างความตื่นเต้นใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ไฟฟ้า เมื่อ 50 ปีก่อน Can-Am ได้เฉลิมฉลองชัยชนะมากมายด้วยจักรยานยนต์ Track ‘n Trail และเรากำลังนำมรดกนั้นกลับคืนมาด้วยการเน้นที่พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัย ​​การเชื่อมต่อ และความตื่นเต้นเร้าใจ เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในพื้นที่ดังกล่าวด้วยนวัตกรรมที่แท้จริงซึ่งออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของประสบการณ์การขับขี่สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ และแนะนำจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้กับทุกคน”

    Origin และ Pulse ใช้มอเตอร์ Rotax E-Power ที่พัฒนาโดย BRP พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้พละกำลังสูงสุด 47 แรงม้า และแรงบิด 71.8 นิวตันเมตร และทั้งสองรุ่นสามารถทำความเร็วได้ 128 กม./ชม. โดยรุ่น Pulse สามารถทำเวลา 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.8 วินาที แต่รุ่น Origin ทำเวลาได้ภายใน 4.3 วินาที ส่งกำลังไปยังล้อหลังผ่านโซ่แบบปิดที่ทำหน้าที่เป็นสวิงอาร์ม ซึ่งทางแบรนด์ได้อ้างไว้ว่า มีน้ำมันหล่อลื่น และตัวปรับความตึงโซ่อัตโนมัติ ซึ่งทำให้เสียงโซ่ดังน้อยลง และต้องการการบำรุงรักษาน้อยลง

    Can-Am

    Pulse มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด (Normal, ECO, Rain และ Sport+) ในขณะที่ Origin มี 6 โหมด (Normal, ECO, Rain, Sport, Off-road และ Off-road+) แต่ละโหมดมีระดับการตอบสนองคันเร่งและการควบคุมการยึดเกาะที่แตกต่างกัน

    Can-Am

    ด้านพลังงานใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 8.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง หากใช้เครื่องชาร์จระดับ 2 จะใช้เวลาชาร์จจาก 0 ถึง 100% ในเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที การชาร์จจาก 20 ถึง 80% จะใช้เวลา 50 นาที แต่หากใช้เเครื่องชาร์จระดับ 1 120V ทั่วไปจะใช้เวลาในการชาร์จจาก 0 ถึง 100% อยู่ที่ 5 ชั่วโมง 15 นาที และจาก 20 ถึง 80% อยู่ที่ 3 ชั่วโมง 10 นาที ส่วนระยะทางขับขี่รุ่น Origin สามารถใช้งานได้สูงสุด 145 กม. และรุ่น Pulse สามารถใช้งานได้สูงสุด 160 กม.

    Can-Am

    สำหรับช่วงล่าง Origin มาพร้อมกับโช้คหัวกลับ KYB ขนาด 43 มม. และโช้คหลัง KYB HPG ที่สามารถปรับพรีโหลด การบีบอัด และการคืนตัวได้ โดยมีระยะยุบตัวด้านหน้าและด้านหลัง 10 นิ้ว ส่วนรุ่น Pulse ใช้โช้คหัวกลับ KYB ขนาด 41 มม. และโช้คคอยล์โอเวอร์แบบท่อคู่ของ Sachs ที่ปรับพรีโหลดได้พอดี และระยะยุบตัวด้านหน้าและด้านหลัง 5.5 นิ้ว

    Can-Am

    ส่วนระบบเบรกใช้คาลิปเปอร์จาก J.Juan โดยมีคาลิปเปอร์ลอยลูกสูบเดี่ยว 2 ตัวและจานเบรกขนาด 320 มม. ที่ด้านหน้า และคาลิปเปอร์ลอยลูกสูบเดี่ยวและจานเบรกขนาด 240 มม. ที่ด้านหลัง โดยมี ABS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนวงล้อทั้งสองรุ่นใช้ยางจาก Dunlop โดยรุ่น Pulse มาพร้อมกับวงล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว สวมด้วยยางขนาด 110/70 R17 ที่ด้านหน้า และด้านหลังมีขนาด 150/60 R17 ส่วน Origin มาพร้อมกับยางดูอัลสปอร์ตบนล้อซี่ลวด โดยมียางขนาด 90/90 R21 ที่ล้อหน้า และล้อหลังมีขนาด 120/80 R18

    ฟีเจอร์ใช้งานมาพร้อมหน้าจอสัมผัส TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อม BRP Connect และ Apple CarPlay ทำหน้าที่จัดการข้อมูลสำคัญของตัวรถ และระบบอินโฟเทนเมนต์ รวมถึงสื่อและระบบนำทางบนหน้าจอ ระบบอินโฟเทนเมนต์สามารถจับคู่กับแอปมือถือและรับการอัพเดตแบบไร้สายได้

    Can-Am

    Can-Am

    สำหรับราคาและการวางจำหน่าย  Can-Am Pulse จะมีราคาเริ่มต้นที่ 13,999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 478,500 บาท ในขณะที่ Can-Am Origin จะมีราคาเริ่มต้นที่ 14,999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 512,000 บาท


    ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
    Page Facebook :Car2Day
    Youtube : youtube.com/@Car2day

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts