หลังจากเปิดตัวเปิดสเปกสำหรับ NETA L เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนหลังจากแนะนำรุ่นเวอร์ชัน EREV ใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟกับมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ขับเคลื่อน
เวอร์ชันอีวีไฟฟ้าล้วนเตรียมเปิดตัวในวันที่ 28 มิถุนายน สำหรับ NETA L หน้าตาคล้ายกับเวอร์ชัน EREV แต่มีการปรับดีไซน์ให้เข้ากับความเป็น EV ล้วนตั้งแต่ ไฟหน้า LED พร้อมดีไซน์ชุดกระจังหน้า ช่องระบายอากาศรูปตัวเอ็กซ์ มีพอร์ตเสียบชาร์จไฟฟ้าที่บนโคลนหลังด้านขวา มือจับประตูซ่อนเนียนกับตัวถังรถ กระจกมองข้างทรงสปูน ไฟท้าย LED ทรงตัวเอชแนวยาวพาดตัวถัง กันชนท้ายทรงสปอร์ตโทนเข้มคล้ายกับ NETA S ฝาท้ายติดตั้งที่ปัดน้ำฝนด้าน มีพอร์ตชาร์จไฟฟ้าที่บนโคลนหลังด้านขวา ล้ออัลลอยเลือกได้ทั้งขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60R18 และขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 225/55R19
สร้างขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม Shanhai chassis และ Haozhi 2.0 technology พร้อมความยาว 4,770 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,900 มิลลิมเมตร ความสูง 1,660 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,810 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,935 กิโลกรัม
ภายในรถยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ด้วยกันถึงสามจุดตั้งแต่จอมาตรวัด LCD ฝั่งคนขับขนาดเล็ก และจอคู่ขนาดใหญ่ติดตั้งตรงกลางและฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 15.6 นิ้ว มีความละเอียด 2K และประมวลผลรวเร็วผ่านชิป Qualcomm Snapdragon 8155 ลำโพพงรอบคัน 16 จุด คอนโซลหน้าสีดำพร้อมหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้านหุ้มหนังสามก้าน
เบาะนั่งทรงสปอร์ตปรับไฟฟ้าคู่หน้าโดยคนขับปรับได้ 10 ทิศทางและคนนั่ง 14 ทิศทาง แบบ Zero Gravity พร้อมระบบนวด ติดตั้งถาดโต๊ะอเนกประสงค์พับได้หลังเบาะคู้หน้า เบาะหลังนั่งสบายมีที่ท้าวแขนและพับได้แบบ 60/40 โดยมีพื้นที่วางหลังพับเบาะ 1,434 ลิตร ไม่พับเบาะ 583 ลิตร ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light มีตู้เย็นนขนาดความจุ 6.6 ลิตร ใส่เครื่องดื่มได้หลากหลายในกล่องคอนโซลกลาง โดยโทนสีภายในเลือกได้สองสีทั้งสีน้ำตาล Maillard Brown และสีขาว Mousse White
รุ่นไฟฟ้าล้วน BEV ด้วย LFP battery pack TZ210XS001 แบบ Lithium iron ขนาดความจุ 69 kWh จาก SVOLT ให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.8 วินาที วิ่งไกลถึง 510 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 460 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังแบบ five-link ความปลอดภัยด้วยวระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Neta AD advanced driving assistance ประกอบด้วย ตั้งเรดาร์คลื่น 5 มิลลิเมตร เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้องระบบติดตามผู้ขับขี่
พร้อมฟังก์ชันความปลอดภัยหลากหลายทั้งระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ full-speed adaptive cruise (ACC) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist (LKA) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Full Speed Traffic Jam Assist (TJA) ขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Highway Assist (HWA) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ Forward Collision Warning (FCW) เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกรถยนต์คันหลังชนขณะขับขี่ Rear Collision Warning (RCW) เตือนการถอยหลังขณะออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เตือนการออกตัวขณะออกจากช่องจอด Forward Crossing Warning (FCTA)
เตือนขณะเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW) เตือนการเปิดประตู Door Open Warning (DOW) อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR) ช่วยการจอดอัตโนมัติ Automatic Parking Assist (APA) เข้าจอดรถอัตโนมัติด้วยรีโมท One-touch Remote Parking (RPA) กล้องมองภาพรอบคัน AVM360 panoramic image และ ถอยหลังรถอัตโนมัติ backtracking (TBA)
NETA L เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่จะทำตลาดทั่วโลกอีก 20 ประเทศต่อจาก NETA V-II และ NETA X เปิดตัวในวันที่ 28 มิถุนายน ก่อนหน้านั้นได้เปิดรับจองล่วงหน้าตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมในราคาเริ่มต้น 140,000 Yuan หรือราว 709,000 บาทและส่งมอบล็อตแรกตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นไป ด้านเมืองไทยอาจมีโอกาสเข้าไทยคาดเป็นช่วงปีหน้าถ้ามาไทยจะมาแบบเวอร์ชัน EREV หรือ BEV ต้องติดตาม
ที่มา Autohome
