More

    Nissan Patrol อาหรับบ้าพลังด้วยเทอร์โบคู่ V6 431 แรงม้า

    เปิดขายแล้วในกลุ่มตะวันออกกลางสำหรับ Nissan Patrol เจเนอเรชันที่ 7 สิงห์ทะเลทรายเจนใหม่เอาใจกลุ่มเศษษฐีอาหรับบ้าพลัง

    Nissan

    Nissan Patrol เจนใหม่รหัส Y63 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปีต่อจากรหัส Y62 เจเนอเรชันนที่ 6 

    เข้มด้วยกระจังหน้ารูปตัววี หรือ V-motion ไส้ในเป็นรังผึ้งแถบแนวนอน 2 เส้น โครเมียมพร้อมตรา Nissan เวอร์ชันใหม่มาพร้อมความทันสมัยไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED รูปตัว E-clamp ในโคมมีไฟหน้า LED พร้อมไฟเลี้ยว รับกับชุดกันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED โดยรวมออกแบบรถเอสยูวีแดนมะกัน

    ด้านข้างพร้อมช่องระบายอากาศด้านข้างเด่นด้วยดีไซน์ช่องระบายอากาศด้านข้างตัวถัง Side Vent สองฝั่ง คิ้วขอบล้อสีดีไซน์กลมกลืน ที่เปิดประตูดีไซน์ดึงก้าน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED และไฟส่องพื้นใต้กระจกมองข้างกระจกสไตล์โอเปร่าโดยกระจกเสา C และ D ติดตราชื่อรุ่น Patrol บันไดข้าง ราวหลังคาดีไซน์เรียบเนียนกับหลังคารถสีดำ เสาอากาศครีบฉลาม

    ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟท้าย LED แนวยาวรูปตัว U ครอบด้านท้ายอย่างสวยงามชวนให้นึกถึง Nissan Kicks เจนใหม่ที่พึ่งเปิดขายที่สหรัฐอเมริกานั่นเองทางด้านตัวรถรับกับกันชนหลังดีไซน์เข้มพร้อมลิ้นสปอยเลอร์หลังในตัว ล้ออัลลอยขนาดใหญ่สุด 22 นิ้วรัดด้วยยาง 305/45R22 จาก Bridgestone ALENZA SPORT A/S และยังมีขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/70 R18 กับขนาด 20 นิ้ว 275/60R20 ให้เลือก

    แน่นอนว่ามาจากพื้นฐาน INFINITI QX80 เป็นรถทรงกล่องแชสซีส์ขั้นบันไดหรือ Ladder-Frame เฟรมปรับปรุงใหม่ให้มีความแข็งแรงตามแรงบิดเพิ่มขึ้น 25% และความแข็งแรงด้านข้างเพิ่มขึ้น 57% โดยมีมิติตัวรถดังนี้

    • ความยาว 5,350 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 2,030 มิลลิเมตร (รวมกระจกมองข้าวง 2,350 มิลลิเมตร)
    • ความสูง 1,945-1,955 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 3,075 มิลลิเมตร
    • ระยะต่ำสุดจากพื้น 244-294 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,680-2,813 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 97 ลิตร

    Nissan

    ภายในใหม่แบบ 3 แถว 8 ที่นั่ง 2+3+3 หุ้มหนังลายด้วยวัสดุหนังแท้เกรดคุณภาพปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางคู่หน้าพร้อมฟังก์ชันนวดโดยเบาะคู่หน้ามาแบบ Zero Gravity เบาะนั่ง เพื่อรองรับกับแนวกระดูกสันหลัง ตามหลักสรีรศาสตร์ เบาะนัั่งตอนที่ 2 พับอิสระแบบ 40/20/40 แบบ EZ Flex และ 50/50 ในตอนที่ 3 และยังปรับพื้นที่เก็บของด้านท้ายมากขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมหนังสัมผัสบริเวณคอนโซลกลางกับแผงประตู

    ดีไซน์คอนโซลหน้าต่างจาก INFINITI QX80 ปรับเพื่อให้เป็นรถลุยและหรูในคันเดียวแผงคอนโซลหน้าติดตั้งหนังสัมผัสอย่างประณีตจอคู่รวม 28.6 นิ้วประกอบด้วยจอมาตรวัดความเร็วและจอสัมผัสขนาดใหญ่ฝั่งละ 14.3 นิ้ว

    ในส่วนระบบ Nissan Connect 2.0 เวอร์ชันใหม่ ติดตั้ง Google ในตัว สามารถใช้ Google Maps, Google Play, Google Assistant เชื่อมต่อ Apple CarPlay  Android Auto ไร้สาย และบริการเชื่อมต่อผ่านแอป My NISSAN พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มหนัง และจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า HUD

    ถัดลงมาช่องแอร์แนวนอนมีปุ่ม Push Start และปุ่มการทำงานของระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ตอนที่ 2 กับ 3 และมีสวิตช์ควบคุมทำงานร่วมกับเซนเซอร์อินฟาเรดไว้ตรวจจับอุณหภูมิภายในปรับได้อย่างอิสระและการไหลเวียนของอากาศเพื่อให้อากาศภายในสบายสดชื่น พร้อมช่องเสียบ USB Type C ให้มาทั้ง 3 แถว ที่ชาร์จมือถือไร้สาย

    Nissan

    พร้อมลำโพงทั้งหมด 12 จุด จาก Klipsch พร้อมเทคโนโลยี DynamicAudioReveal™ ช่วยให้เสียงมีความนุ่มชัดเจนละเอียดปรับตามสภาพแวดล้อมภายในรถและระบบเสียง 3 มิติ DJX® 3D Surround ทำให้เพลิดเพลินในการฟังเพลงตลอดการเดินทาง

    ยังมีจอหลัง 2 จอติดตั้งที่หลังเบาะคู่หน้าอินเทอร์เฟซขนาด 12.8 นิ้ว สามารถสตรีมเพลง วีดีโอ เล่นเกมผ่านอุปกรณ์ทั้ง Miracast, HDMI หรือการเชื่อมต่อ USB พร้อมไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี พร้อมกล้องบันทึกเหตุการณ์และหลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ

    Nissan

    ขุมพลัง 2 ทางเลือกเบนซินเทอร์โบคู่ V6 รุ่นใหม่รหัส VR35DDTT ขนาด 3.5 ลิตร พัฒนามาจากรุ่น VR30DDTT ของ Nissan Z (RZ34) ให้กำลังสูงสุด 431 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาทีประหยัดน้ำมันมากขึ้น 24% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ V8

    และมีเบนซินไร้เทอร์โบ V6 รหัส VQ38DD ขนาด 3.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 386 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที

    ทั้ง 2 ขนาดมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time พร้อม 4WD transfer mode interlock สามารถกระจายการทำงานไปยังล้อทั้ง 4 ควบคุมอย่างง่ายดายตามสภาพเส้นทางภูมิประเทศต่างๆ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสลับโหมดต่างๆได้อย่างราบรื่นและรับมือกับเส้นทางท้าทายได้อย่างง่ายดาย พร้อมโหมดการขับขี่ 6 โหมดทั้ง Standard, Sand, Rock, Mud/Rut, Eco และ Sport ลุยน้ำได้สูงสุด 700 มิลลิเมตร สามารถลากจูงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม

    Nissan

    ลุยทุกเส้นทางกับช่วงล่างพื้นด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น และช่วงล่างหลังเลือกได้ทั้งแบบถุงลม Adaptive Air Suspension System ปรับตัวรถสูง-ต่ำได้ถึง 70 มิลลิเมตร และมีช่วงล่างหลังแบบคอยล์ปริง ทั้ง 2 ช่วงล่างใช้โช้กอัพทั้งแบบแก็สและแบบไฟฟ้า 4 ต้น พร้อมเฟืองท้าย Rear Helical Limited Slip Differential และล็อกเฟืองท้าย REAR DIFFERENTIAL LOCK

    พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด จาก JATCO ลุยทุกสถานการณ์ทั้งระยะมุมเงย Approach Angle 24.5-32 องศา ระยะมุมจาก Departure Angle 24-27 องศา และระยะมุมคร่อม Breakover angle 23-27 องศา ความปลอดภัยติดตั้งระบบระบบขับขี่อัตโนมัติอัจฉริยะ ProPILOT 2.0 ช่วยลดความจุกจิกกวนใจในเรื่องการขับขี่บนทางหลวงที่ต้องมีการหยุดและชะลอตัวตลอดเวลา พร้อมความปลออดภัยหลากหลายทั้ง

    • เตือนก่อนการชนด้านหน้า Predictive Forward Collision Warning
    • เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติอัจฉริยะด้านหน้า Intelligent Emergency Braking with Pedestrian detection
    • เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติอัจฉริยะ Rear Intelligent Emergency Braking
    • เตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning
    • เตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert
    • เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา เมื่อสัญญาณไฟเลี้ยวถูกเปิด และมีรถคันอื่นอยู่ในจุดอับสายตา ณ ช่องทางขับขี่ด้านข้าง Blind Spot Intervention
    • เตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Lane Departure Prevention
    • เตือนจุดอับสายตาขณะลากจูง Trailer Blind Spot Warning
    • เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะพร้อมช่วยมองเห็นด้านหลังได้ชัดเจนขึ้น  Intelligent Rear View Mirror with Rear Zoom View
    • ล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ adaptive cruise control
    • ไฟสูงแบบปรับระดับได้เอง Adaptive Driving Beam (ADB)
    • กล้องมองภาพรอบคัน  3D Around View Monitor โดยเฉพาะกล้องด้านหน้ามองเห็นมุมกว้างมากถึง 170 องศา

    Nissan

    Nissan Patrol เจนใหม่ตำนานสิงห์ทะเลทรายครองใจขาลุยมาถึง 74 ปี ขายกลุ่มตะวันออกกลางทั้งหมด 8 รุ่นย่อยเริ่มที่เครื่องยนต์ 3.8 V6 4 รุ่นทั้งรุ่น XE, SE T2, SE TITANIUM และ SE PLATINUM CITY เริ่ม AED 239,900-317,900 หรือราว 2,245,000-2,974,000 บาทถ้านำเข้ามาขายไทยราคารวมภาษีนำเข้าเริ่ม 9,609,000-12,729,000 บาท

    ส่วนรุ่นเทอร์โบคู่ 3.5 V6 4 รุ่นย่อยทั้งรุ่น LE-T1 , LE-T2, LE TITANIUM และ LE PLATINUM CITY เริ่ม AED 292,900-379,900 หรือราว 2,739,000-3,555,000 บาท ถ้านำเข้ามาขายไทยราคารวมภาษีนำเข้าเริ่ม 11,725,000-15,219,000 บาท ทางด้านกลุ่มประเทศโอชิเนียอย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขายช่วงครึ่งปีหลังปี 2026 ส่งมอบปี 2027 ในฐานะพวงมาลัยขวาที่แรกของโลก

    ที่มา Nissan  Carexpert และ CarWatch

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts