หลังจากได้เปิดโผรถใหม่ที่จะเปิดตัวช่วงครึ่งปีหลังนี้โดยมีรายชื่อรุ่นรถที่จะเข้าไทยมากมายหลายยี่ห้อและหนึ่งในนั้นมี Mercedes-Benz GLC เจนที่ 3
ล่าสุด Mercedes-Benz ประเทศไทยเตรียมจะเปิดตัว Mercedes-Benz GLC เจเนอเรชันที่ 3 อย่างเป็นทางการ สานต่อความสำเร็จจากรุ่น GLC เจนปัจจุบันที่เข้าสู่ยุครถปลายรุ่นโดยมาในรหัส X254 และรุ่น GLC Coupe รหัส C254 หล่อตั้งแต่กระจังหน้า Diamond Radiator Grille ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน ตราสัญลักษณ์ดาวสามแฉกตรงกลาง ไฟหน้า LED กันชนหน้าออกแบบใหม่ ไฟท้าย LED รวมถึงดีไซน์ด้านท้ายที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยโลโก้ดาวสามแฉกคิ้วกรอบป้ายทะเบียนอยู่แนวเดียวกับชุดไฟท้าย กันชนหลังใหม่แบบสีทูโทน
ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60 R18 ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55R19 ในล้อหน้าและ 255/50R19 ในล้อหลัง และใหญ่สุด 20 นิ้ว พร้อมยางหน้า 255/45R20 และยางหลัง 285/40ZR20 ตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนำพื้นฐาน Mercedes-Benz C-Class W206 ตั้งแต่ความยาว 4,716 มม. ความกว้าง 1,890 มม. ความสูว 1,640 มม. ฐานล้อ 2,888 มม. ความจุถังน้ำมัน 62 ลิตร เมื่อเทียบกับเจนที่แล้ว X253 พบว่าใหญ่ขึ้นโดยความยาวมากกว่า 60 มม. ฐานล้อเพิ่ม 15 มม.แต่ความกว้างเท่าเดิมและความสูงลดลง 4 มม.
ส่วนรุ่น GLC Coupe ตัดตัวรถครึ่งหลังออกต่อเติมด้วยหลังคารถที่ลาดลงและสปอร์ตกว่าพร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานถึง 0.27 Cd ซึ่งต่ำกว่ารุ่น GLC ปกติเพียง 0.30 Cd แถมมีความยาวมากกว่ารุ่น GLC Coupe เจนที่แล้วถึง 31 มม. เป็น 4,763 มม. ความกว้าง 1,920 มม. ความสูว 1,606 มม. ฐานล้อ 2,888 มม. และความจุถังน้ำมัน 62 ลิตร
ภายในยกมาจาก Mercedes-Benz C-Class W206 ทั้งดีไซน์แผงคอนโซลหน้าแผงประตูตั้งแต่มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว คอนโซลกลางแบบจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ OLED 11.9 นิ้ว ระบบความบันเทิง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เชื่อมต่อ Android Auto, Apple CarPlay ไร้สาย ลำโพงคุณภาพจาก Burmester 15 จุด กำลังขับ 710 W เบาะหนังแท้คุณภาพพร้อมระบบอุ่นเบาะ เบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 โดยมีพื้นที่การบรรทุกของ 620-1,640 ลิตร ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lights 64 สี และ Head-up Display
ขุมพลังนั้นมีหลากหลายทั้งแบบ MHEV-Mild Hybrid, PHEV – Plug In Hybrid ดีเซลเทอร์โบเป็นขนาด 2.0 ลิตร OM654 M ให้กำลังมากถึง 197 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที โดยทุกขนาดจับคู่กับระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษพร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 23 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ในรุ่น GLC 220 d
มากันที่ขุมพลัง PHEV ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร Plug-In Hybrid รหัส M254 ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 129 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ส่งกำลังบำรุงด้วยแบตเตอรี่ใหม่ขนาด 25.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด100 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กม./ชม. ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า
ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า หากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) 10-80% รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 55 kW จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 11 kW ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบในรุ่น GLC 350e 4MATIC ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering–wheel Gearshift Paddles)
Mercedes-Benz GLC เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จับตาว่าจะเปิดตัวรุ่นประกอบไทยเป็นครั้งแรกตาม C-Class ซีดานหรือไม่พบกันทั้งแบบปกติและแบบคูเป้