หลังจากเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกาไปได้ไม่นานสำหรับ Nissan Almera หรือ Nissan Versa Faceliftล่าสุดเมืองไทยเป็นที่ที่สองเปิดตัวหน้าใหม่รุ่นปรับโฉม
การปรับโฉมครั้งนี้ปรับครั้งแรกในรอบ 4 ปี ด้วยการใช้ใช้หน้าตาเดียวเวอร์ชันอเมริกาเพิ่มลุคโมเดิร์นให้กับด้านหน้าตั้งแต่กระจังหน้ารูปตัววี V-Motion ดีไซน์ใหม่เข้มแนวนอนแบบ Next Generation V-Motion ประกบกับไฟหน้า LED พร้อมไฟ LED signature ดีไซน์ใหม่ในโคมเดียวกันลงตัวด้วยกันชนหน้าชุดใหม่รับกับไฟตัดหมอกหน้า LED ล้ออัลลอยลายเดิมขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 195/65 R15 กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยวและไฟท้าย LED signature กันชนหลังยังคงใช้ดีไซน์เดิมและโลโก้ Nissan รูปแบบใหม่ติดตั้งทั้งกระจังหน้า ฝาท้าย และดุมล้อ เป็นครั้งแรกของค่ายที่ใช้โลโก้ใหม่
ภายในเดิมๆแต่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตั้งแต่การตกแต่งที่แผงคอนโซลหน้าซึ่งเป็นรูปปีกที่สยายออกพร้อมวัสดุสีน้ำเงินเข้ม (ในรุ่น V และ VL) ตลอดแนวคอนโซลเพิ่มความเก๋ทันสมัยเสริมอารมณ์สปอร์ตให้กับห้องโดยสาร พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันท้ายตัดสามก้านติดตั้ง Cruise Control ใหม่และปะโลโก้ Nissan เวอร์ชันใหม่มาด้วย จอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ล่าสุด NissanConnect รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay รวมทั้งยังสามารถใช้ระบบนำทางผ่าน Google Map ได้สบาย ๆ และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ เพิ่มความสุนทรีย์ในทุกการเดินทางด้วยลำโพงมากสุด 6 จุด
พร้อมฟีเจอร์ใหม่ครบครันตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charger กุญแจรีโมทอัจฉริยะดีไซน์ใหม่พร้อมปุ้มสั่งสตารท์รถยนต์ทันสมัย ความกว้างขวางนั่งสบายสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง เบาะนั่งคู่หน้าพรีเมียม QUOLE MODURE ไม่สะสมความร้อนแม้ในการเดินทางไกล มีพื้นที่เข่าทั้งสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และด้านหลังที่มีระยะห่างนั่งสบาย ส่วนที่เก็บสัมภาระทางด้านหลังออกแบบมาให้กว้างขวางบรรจุของชิ้นใหญ่ เช่น ถุงกอล์ฟ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้สบายพร้อมกระจกมองหลังแบบไร้ขอบ เพิ่มทัศนวิสัยให้ดียิ่งขึ้น
แอปพลิเคชันเวอร์ชันล่าสุด NissanConnect Services เชื่อมต่อคุณกับรถเป็นหนึ่งเดียวช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมหรือสั่งการรถได้จากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน ขอความช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ด้วยฟังก์ชัน SOS ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเซ็กเมนท์นี้ที่มีไว้กับตัวรถเพียงกดปุ่ม SOS ภายในรถ ระบบจะติดต่อกับศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านระบบเครื่องเสียงภายในรถยนต์ เพื่อประสานงานและส่งความช่วยเหลือไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังเตรียมรถให้พร้อมสำหรับทุกการเดินทางด้วยระบบสั่งการระยะไกลต่าง ๆ ได้แก่ ระบบตรวจสอบสถานะการล็อกประตู สั่งล็อก หรือปลดล็อกรถยนต์ระยะไกล สตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล สั่งกะพริบไฟหน้าและสั่งระบบแตรระยะไกล ช่วยให้ค้นหาตำแหน่งของรถได้สะดวกแม้ในลานจอดรถที่มีรถแน่นขนัดและ My Car Finder ค้นหาตำแหน่งรถจะช่วยค้นหาและนำทางไปยังรถได้ในทันที
ยังช่วยแจ้งเตือนสถานะของรถได้ด้วยการแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดการบำรุงรักษาตามระยะและการเตือนเมื่อใช้ความเร็วเกินกำหนด เป็นต้น รวมทั้งยังสามารถดูระยะทางและระยะเวลาที่ใช้รถซึ่งดูได้ละเอียดระดับรายวัน รายเดือน หรือรายปีและยังช่วยดูแลความปลอดภัยของรถ แอปพลิเคชันนี้จะแจ้งไปยังเจ้าของรถทันทีหรือเมื่อรถออกนอกพื้นที่ที่กำหนด แอปพลิเคชันจะแจ้งเจ้าของรถทันที ทำให้สามารถติดตามตำแหน่งของรถได้ตลอดเวลา
ขุมพลังความแรงยังคงเดิมกับเบนซินเทอร์โบ HRA0 1.0 ลิตร 100 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที มีแรงบิดถึง 152 นิวตันเมตร 2,400-4,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT เสริมอารมณ์ของการขับขี่ด้วย D-Step Logic เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลให้อัตราเร่งต่อเนื่องทันใจ และระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นในอัตรา 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
ปลอดภัยทุกการเดินทางกับเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ใน 360° SAFETY SHIELD เพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ตอกย้ำจุดยืนในฐานะคอมแพคซีดานที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ ครบถ้วนครั้งแรกกับเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System – TPMS) เทคโนโลยีเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA) และเทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) จะส่งสัญญาณเตือนด้วยไฟกะพริบและการสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ได้ตั้งใจ
นอกจากนี้ยังคงมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้การปกป้องเต็มพิกัดรอบคัน ได้แก่ เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitoring – IAVM) ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) และเทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้การปกป้องสูงสุดได้แก่ เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุดทุกรุ่นย่อย เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC) เทคโนโลยีเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS) กระจายแรงเบรก (Electronic Brake Force Distribution – EBD) และเสริมแรงเบรก (Brake Assist)
Nissan Almera รุ่นปรับโฉมมีทั้งสีแบบสีเดียวทั้งคัน และสีทูโทน (เฉพาะรุ่น VL) ทั้ง สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White): ทุกรุ่น, สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red): รุ่น VL, V, EL, สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star): ทุกรุ่น, สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic): ทุกรุ่น, สีน้ำเงิน ไนท์ บลู (Night Blue): รุ่น VL, V และ EL, สีเทา เกรย์ สกาย เพิร์ล (Gray Sky Pearl): รุ่น VL และV และสีทูโทนสำหรับรุ่น VL : สีเทา เกรย์ สกาย เพิร์ล หลังคาสีดำเงา, สีเทา กัน เมทาลิค หลังคาสีดำเงา, และสีขาว สตอร์ม ไวท์ หลังคาสีดำเงา โดยจำหน่าย 4 รุ่นย่อยดังนี้
- รุ่น E ราคา 549,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 34,000 บาท)
- รุ่น EL ราคา 589,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 24,000 บาท)
- รุ่น V ราคา 659,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 4,000 บาท)
- รุ่น VL ราคา 699,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 24,000 บาท)