More

    Range Rover Sport 2023 เอสยูวีทรงสปอร์ตขายไทยเริ่ม 8.599 ล้านบาท

    อินช์เคป (ประเทศไทย) ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง Jaguar และ Land Rover เปิดตัว Range Rover Sport เจเนอเรชันที่ 3 เอสยูวีสายสปอร์ต

    Land Rover

    น้องรอง Range Rover ด้วยหน้าตาถอดแบบมาจากพี่ใหญ่ในขนาดที่ย่อลงมารูปทรงที่โดดเด่น และคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ใครก็สามารถจดจำได้ทันทีที่เห็น ด้วยระยะยื่นจากล้อที่สั้น บริเวณด้านหน้าดูโฉบเฉี่ยว และกระจกมีระดับความลาดเอียงเหมาะสมของทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของรถ

    ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ในขนาดที่เล็กลงพร้อมปักชื่อ Range Rover ขอบฝากระโปรงหน้า ไฟหน้า Digital LED คุณภาพสูง พร้อมไฟ LED DRL รูปตัว J ในโคมเดียวกัน รับกับกันชนหน้าดีไซน์เท่ ที่เปิดประตูซ่อนรูปกลมกลืนกับตัวถัง พร้อมหลังคารถที่ลาดลง ช่องระบายอากาศทรงเท่ติดข้างบังโคลนหน้าซ้าย-ขวา ด้านท้ายต่างจากพี่ใหญ่ตรงที่ ไฟท้าย LED มาในแบบแนวนอน พร้อมตัวอักษร Range Rover สีดำ กันชนหลังสีทูโทนกับลิ้นสปอยเลอร์สีดำและท่อไอเสียเดี่ยวสองฝั่งติดกรอบโครเมี่ยม และเสาอากาศครีบฉลามคู่ ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 275/50R21 สร้างจากแพลตฟอร์ม MLA-Flex architecture แบบเดียวกับพี่ใหญ่ Range Rover

    Range Rover

    ภายในหรูเทียบเท่าพี่ใหญ่ด้วยเทคโนโลยี Range Rover Command Driving Position เพื่อความสมดุลของความสง่างาม ห้องโดยสารที่ดูเหมือนห้องนักบินสร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบไดนามิกด้วยทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยมขณะเดียวกันก็สร้างความท้าทายให้ผู้ขับขี่ด้วยคอนโซลกลางที่ลาดเอียงในแนวสูงและเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกการขับขี่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ระบบอินโฟเทนเมนท์ Pivi Pro หน้าจอสัมผัสแบบโค้งพร้อมลำโพงคุณภาพจาก Meridian 29 จุด กำลังขับ 1,430 W มาตรวัดดิจิตอลขนาดใหญ่ 13.7 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน และ Head-Up Display จอแสดงผลบนกระจกบังลมหน้า

    เบาะนั่งปรับระดับด้วยไฟฟ้า 22 ทิศทาง เบาะหลังสามที่นั่งพับได้แบบ 40:20:40 ระบบ Cabin Air Purification Pro รุ่นล่าสุดพร้อมสร้างและรักษาสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ระบบนี้ผสมผสานคุณสมบัติในการกรองฝุ่น PM2.5 และเทคโนโลยี nanoeTM X เพื่อลดกลิ่นอับ แบคทีเรีย และสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ รวมไปถึงไวรัส SARS-CoV-23 อุปกรณ์ nanoeTM X ตัวที่สองได้รับการติดตั้งไว้ในบริเวณแถวที่สองเพื่อให้คุณภาพอากาศที่สม่ำเสมอทั่วทั้งห้องโดยสาร และฟังก์ชันการจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)

    range Rover

    สำหรับเมืองไทยจำหน่ายแค่รุ่นเดียวคือรุ่น P510e Plug In Hybrid เบนซินเทอร์โบ 6 สูบ Ingenium 3.0 ลิตร รหัส PT306 510 แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 1,500-5,000 รอบ/นาที พร้อมความจุแบต 38.2 kWh มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 142 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.4 วินาที ระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าสูงสุด 113 กม.และระยะการขับขี่จริงที่คาดไว้คือ 88 กม. ซึ่งเพียงพอสำหรับเจ้าของรถส่วนใหญ่ที่จะทำได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า

    ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 18 กรัม/กม. สำหรับการเดินทางไกล ระบบจะส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริดที่ให้ระยะทางรวม 740 กม. ของการขับขี่ด้วยระบบเบนซินและไฟฟ้า และความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กม./ชม. พร้อมชาร์จที่บ้าน Wallbox AC ชาร์จช้า 0-100% ชาร์จได้ 5 ชม. ชาร์จเร็ว DC รองรับสูงสุด 50 kW 0-80% ในเวลา 40 นาที

    จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบ Terrain Response 2 แบบเดียวกับพี่ใหญ่ Range Rove rที่มีโหมดออฟโรดถึง 6 โหมด เลือกได้ตามเส้นทางที่แตกต่าง ตั้งแต่ โหมดการขับขี่ทางเรียบไฮเวย์ Normal Driving, โหมดลุยน้ำ WADE, โหมดลุยในทางโขดหิน Rock Crawl, โหมดลุยทางโคลนและแอ่งโคลน MUD And Ruts, โหมดลุยทางพื้นหญ้า-กรวด-หิมะ Grass- Gravel- Snow และโหมดลุยพื้นทราย Sand และ ล็อกเฟืองท้าย Differential Controls ลุยน้ำได้ 900 มม.

    Range Rover

    ระบบถุงลม Dynamic Air Suspension ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบกันสะเทือน ระบบนี้ทำงานโดยการปรับแรงดันของกระบอกโช้คให้สอดคล้องกับพื้นผิวถนน และความลาดชัน ยังมาพร้อมกับระบบตรวจสอบทิศทางของถนนข้างหน้า โดยใช้ระบบข้อมูลการนำทางที่เรียกว่า eHorizon เพื่อทำงานให้สอดคล้องกับระบบช่วงล่าง ที่ต้องปรับสภาพให้เป็นไปตามข้อมูลล่วงหน้าที่ได้รับจากระบบ หรือเมื่อต้องเข้าโค้งในระยะที่ใกล้เข้ามา

    เทคโนโลยี Adaptive Dynamics ช่วยเพิ่มความสามารถแบบไดนามิกด้วยการควบคุมอย่างต่อเนื่องของระบบ Active Twin Valve Dampers เพื่อช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นของร่างกายผู้ขับขี่ ระบบนี้ยังสามารถตรวจสอบปัจจัยภายนอกได้สูงถึง 500 ครั้งต่อวินาที เพื่อให้การตอบสนองที่สมบูรณ์แบบและสอดคล้องกับเทคโนโลยีอื่นๆของแชสซี อีกทั้งยังเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและลงตัว

    ความคล่องตัวในการเข้าโค้งยังช่วยยกระดับการขับขี่ไปอีกขั้นด้วยระบบ All-Wheel Steering ระบบ Torque Vectoring by Braking และระบบ Electronic Active Differential ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวขั้นสูง ระบบ All-Wheel Steering ช่วยให้การบังคับเลี้ยวของล้อหลังทำมุมตรงกันข้ามกับล้อหน้า ได้สูงสุดถึง 7.3 องศา เพื่อลดวงเลี้ยวให้แคบลงในความเร็วต่ำและทำมุมขนานกับล้อหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งในช่วงเวลาที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง

    Range Rover

    ระบบแชสซียานยนต์ที่ดีที่สุดยังรวมไว้ซึ่งระบบ Dynamic Response Pro ระบบ All-Wheel Steering ระบบ Electronic Active Differential และระบบ Torque Vectoring by Braking สร้างความประทับใจในการขับขี่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนท้องถนนที่มีสภาพพื้นผิวปกติหรือบนเส้นทางแบบออฟโรดที่ยากลำบาก New Adaptive Off-Road Cruise Control ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกกับ Range Rover Sport โฉมใหม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ท่องไปในสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยความยากลำบากได้อย่างราบรื่น และยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบแม้สภาพพื้นผิวถนนจะมีความแตกต่าง

    ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงรุ่นล่าสุดที่เรียกว่า Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ที่เน้นไปที่ความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบเบรกฉุกเฉิน กล้อง 3D รอบทิศทาง รวมถึงเซ็นเซอร์จอดรถด้านหน้าและด้านหลัง ระบบ Wade Sensing ระบบ ClearSight Ground View4 และไฟเลี้ยวที่มีระบบควบคุมการขับขี่อัตโนมัติ ระบบตรวจสอบสภาพคนขับ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในเลน และระบบจดจำป้ายจราจร

    Range Rover

    Range Rover Sport เจนใหม่จำหน่ายในไทยในรุ่น Dynamic SE Plug-In Hybrid 510PS ราคา 8,599,000 บาท พร้อม Range Rover Care นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี เลือกซื้อรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ www.landrover.co.th

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts